เอเอฟพี - รัฐบาลฟิลิปปินส์เรียกค่าปรับจากเรือกวาดทุ่นระเบิดของสหรัฐฯ ในความผิดฐานรุกล้ำอุทยานแห่งชาติทางทะเลโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังเรือลำดังกล่าวประสบอุบัติเหตุเกยแนวปะการังซึ่งเป็นมรดกโลก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กรุงมะนิลาประกาศบทลงโทษเบื้องต้นต่อเรือยูเอสเอส การ์เดียน ซึ่งแล่นเกยแนวปะการังทุบบาตาฮา (Tubbataha) ในทะเลซูลู เมื่อวันที่ 17 มกราคม หลังเกิดกระแสความโกรธแค้นในหมู่ชาวตากาล็อกที่ทราบข่าว ขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯก็แถลงขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
คณะทำงานของรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ส่งหมายแจ้งไปยังกองทัพเรือสหรัฐฯ โดยระบุว่า เรือ ยูเอสเอส การ์เดียน “รุกล้ำน่านน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต” โฮเซ โลเรนโซ แทน หนึ่งในคณะทำงานให้สัมภาษณ์
อุทยานแห่งชาติแนวปะการังทุบบาตาฮาได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายฟิลิปปินส์ และเป็นพื้นที่ห้ามเดินเรือ เว้นแต่เพื่อการวิจัยหรือท่องเที่ยวซึ่งได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการอุทยานฯแล้ว
กฎหมายฟิลิปปินส์ตั้งระวางโทษจำคุก 1 ปีและปรับสูงสุด 300,000 เปโซสำหรับผู้ที่รุกล้ำอุทยานแห่งชาติทุบบาตาฮา แต่คณะทำงานเห็นชอบให้ยกเว้นโทษจำคุกแก่ลูกเรือสหรัฐฯ แทนเผย
“ในเบื้องต้นเราได้ออกคำสั่งปรับเงินพวกเขาแล้ว” แทน ซึ่งเป็นประธานองค์การกองทุนสัตว์ป่าสากล (WWF) ประจำฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์ โดยไม่ระบุจำนวนเงินค่าปรับที่แน่นอน
คณะทำงานฟิลิปปินส์ระบุด้วยว่า กองทัพเรือสหรัฐฯ ยังต้องถูกปรับฐาน “ไม่ชำระค่าธรรมเนียมเขตอนุรักษ์” และ “ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่บังคับกฎหมาย”
แองเจลิเก ซองโก ผู้อำนวยการอุทยานแห่งชาติทางทะเลทุบบาตาฮา แถลงเมื่อวานนี้ (21) ว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่อุทยานฯได้วิทยุแจ้งไปยังเรือ ยูเอสเอส การ์เดียน ว่าพวกเขาเข้าใกล้แนวปะการังทุบบาตาฮามากเกินไป แต่กัปตันเรือกลับบอกให้เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ไปร้องเรียนผ่านสถานทูตสหรัฐฯ เอาเอง
แนวปะการังทุบบาตาฮาเป็นมรดกโลกในทะเลซูลู อยู่ห่างจากเกาะปาลาวันไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 130 กิโลเมตร
พล.ร.ท.สก็อตต์ สวิฟท์ ผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งประจำการในญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ขออภัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมอธิบายว่า เรือกวาดทุ่นระเบิดความยาว 68 เมตรที่ยังคงค้างอยู่บนแนวหินปะการังในวันนี้ (22) ได้แวะจอดที่ท่าเรือทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา ก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังอินโดนีเซีย และประสบอุบัติเหตุกลางทาง