รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราส ของกรีซระบุ ต้องการให้บรรดาเจ้าหนี้ระหว่างประเทศให้เวลากับกรีซที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวให้มากขึ้น ในการปฏิบัติตามมาตรการรัดเข็มขัดและการตัดลดการใช้จ่าย
ซามาราส วัย 61 ปี ซึ่งเพิ่งก้าวเข้ามาครองอำนาจเมื่อ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา เปิดเผยกับ “บิลด์” สื่อดังของเยอรมนี โดยยืนยันว่าการที่ประเทศผู้ให้กู้ยืมยินยอมขยายเวลาให้กรีซ เพื่อให้รัฐบาลเอเธนส์มีเวลามากพอในการบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัด รวมถึงการตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐ และลดการขาดดุลงบประมาณให้ได้ตามเป้าหมายนั้น ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และจะช่วยให้กรีซกลับมามีการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกครั้งหลังจากที่เศรษฐกิจของกรีซได้ถลำเข้าสู่ภาวะถดถอยต่อเนื่องกันมาถึง 5 ปีแล้ว
“ทั้งหมดที่กรีซต้องการในขณะนี้คือ เวลา เพราะถ้าเรามีเวลามากขึ้นเราก็สามารถหายใจได้คล่องขึ้นในการบริหารจัดการเศรษฐกิจของประเทศ และก็จะมีเวลามากพอในการหาทางเพิ่มรายได้ของรัฐ การที่กรีซต้องการเวลามากขึ้น มิได้หมายความว่ากรีซต้องการเงินช่วยเหลือก้อนใหม่เป็นครั้งที่ 3 เสมอไป” ซามาราสกล่าวกับสื่อเมืองเบียร์
ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่านายกรัฐมนตรีกรีซซึ่งมีกำหนดพบหารือกับฌอง คล้อด ยุงค์เกอร์ ประธานที่ประชุมรัฐมนตรีคลังของ 17 ชาติยูโรโซน หรือ “ยูโรกรุ๊ป” ในวันนี้ (22) ก่อนจะเดินทางไปพบหารือกับนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลแห่งเยอรมนี และประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศสในช่วงปลายสัปดาห์ กำลังหาทาง “ล็อบบี้” ผู้นำในยุโรปให้ยอมขยายเวลาให้กรีซอีก 2 ปีเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณของประเทศให้เหลือต่ำกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีให้ได้ภายในปี 2016 จากกำหนดเดิมภายในสิ้นปี 2014
อย่างไรก็ดี ซามาราสยืนยันว่า แม้กรีซจะต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่กรีซก็มีความคืบหน้าในการเร่งปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้จะมีกระแสข่าวที่แพร่สะพัดว่าผู้แทน 3 ฝ่าย หรือ “ทรอยกา” ทั้งจากคณะกรรมาธิการยุโรป กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารกลางยุโรปยังไม่พอใจต่อระดับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในกรีซ และมีการประเมินให้รัฐบาลเอเธนส์ “สอบตก” ในการบังคับใช้มาตรการเข้มงวดทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา