เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ลงนามในเอกสารลับฉบับหนึ่ง ซึ่งอนุมัติให้สหรัฐฯยื่นมือช่วยเหลือฝ่ายกบฏซีเรียที่กำลังต่อสู้เพื่อล้มล้างระบอบประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด รายงานเผยวานนี้ (1)
สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีและซีเอ็นเอ็น รายงานโดยไม่เปิดเผยแหล่งข่าวว่า คำสั่งดังกล่าวถูกระบุอยู่ใน “คำวินิจฉัย” ซึ่งเป็นกลไกในการอนุมัติปฏิบัติการลับของหน่วยสืบราชการลับกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ)
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานชิ้นนี้ แต่ก็ไม่บอกปัดแนวคิดที่ว่า วอชิงตันอาจจะเผยข้อมูลข่าวกรองเพื่อสนับสนุนกองกบฎซีเรียมากกว่าที่เปิดเผยให้สาธารณชนทราบ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยอมรับว่าได้มอบความช่วยเหลือด้านการแพทย์และการสื่อสารแก่ฝ่ายกบฎซีเรียจริง แต่ไม่ได้จัดส่งอาวุธให้ พร้อมเตือนว่าการเสริมกำลังอาวุธเข้าไปในวิกฤตการณ์ซีเรียจะไม่เป็นผลดี
เจ้าหน้าที่บางคนระบุว่า พวกเขาไม่อยากส่งอาวุธให้กับกลุ่มที่ไม่ทราบที่มาที่ไป ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ท้ายที่สุดคนเหล่านี้อาจมีแนวคิดโน้มเอียงไปทางหัวรุนแรง
ข่าวที่สหรัฐฯ จะเข้าไปมีบทบาทในสงครามซีเรียมากยิ่งขึ้น เกิดขึ้นพร้อมๆ กับสถานการณ์ที่ใกล้ถึงจุดแตกหักเข้าทุกที โดยทหารรัฐบาลและฝ่ายกบฎต่างระดมสรรพอาวุธเข้าห้ำหั่นกันและกันอย่างดุเดือด ทั้งในกรุงดามัสกัสและเมืองอะเลปโป
ทำเนียบขาวยังเผชิญแรงกดดันให้ต้องแสดงท่าทีหนุนหลังกบฏซีเรียมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้รัฐบาลจะไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับสงครามในตะวันออกกลางอีกแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ ยังไม่มีการเผยชัดเจนว่าโอบามาลงนามในเอกสารลับดังกล่าวเมื่อใด และยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า วอชิงตันจะยกเลิกนโยบายงดส่งอาวุธให้กับกลุ่มกบฎโดยตรง
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (30) โอบามาต่อโทรศัพท์ถึงนายกรัฐมนตรีรีเซป ตอยยิบ เออร์โดแกน แห่งตุรกี และทั้งสองผู้นำต่างตกลงว่าจะช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนผ่านอำนาจนซีเรียให้เกิดเร็วขึ้น ทำเนียบขาวแถลง
วิกฤตการณ์ซีเรียยังคงยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 17 หลังจากที่อัสซาดใช้ทหารกวาดล้างพลเมืองที่เรียกร้องขอประชาธิปไตยตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว ขณะที่โลกตะวันตกและเพื่อนบ้านในตะวันออกกลางต่างขอให้ผู้นำซีเรียยอมสละอำนาจ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นอย่างสันติ
จีนและรัสเซียใช้สิทธิ์วีโตบทลงโทษรัฐบาลอัสซาดในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมาแล้วถึง 3 ครั้ง ทำให้วอชิงตันต้องหากลไกอื่นๆ ที่จะกดดันรัฐบาลซีเรียให้ได้ผลต่อไป