รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-กลุ่มกบฎซีเรียหันมาใช้ยุทธวิธีใหม่ ในการต่อกรกับกองกำลังของฝ่ายรัฐบาลด้วยการใช้รถถังที่ยึดได้จากทหารรัฐบาลซีเรียเป็นอาวุธหลักในการระดมโจมตีฐานทัพอากาศ “เมนักห์” ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองอะเลปโป ศูนย์กลางด้านการค้าของประเทศ ไปทางเหนือราว 35 กิโลเมตร ขณะที่การสู้รบในเมืองใหญ่ดังกล่าวซึ่งดำเนินมากว่าสัปดาห์ก็ยังคงยืดเยื้อต่อไป ด้านโครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ ออกโรงเตือนว่า การสู้รบอย่างดุเดือดตลอดหลายวันที่ผ่านมาอาจทำให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งเลวร้าย
รายงานข่าวซึ่งอ้างกลุ่มเคลื่อนไหวที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มสังเกตการณ์ซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีจุดยืนเข้าข้างฝ่ายต่อต้านระบุ รัฐบาลซีเรียเคยใช้ฐานทัพอากาศดังกล่าวเป็นที่มั่นในการโจมตีเมืองเทล ริฟาตซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างฐานทัพกับเมืองอะเลปโป แต่ทว่าในวันนี้ (2) กองกำลังของฝ่ายต่อต้านได้ใช้รถถังที่ยึดได้จากฝ่ายรัฐบาลในการโจมตีฐานทัพดังกล่าวบ้าง แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับความเสียหายของฐานทัพดังกล่าว
ในอีกด้านหนึ่ง มีรายงานว่า กองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ได้เปิดฉากจู่โจมที่เขตซาลาเฮดดีน ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอะเลปโป ด้วยรถถังและปืนใหญ่ ขณะที่ฝ่ายต่อต้านยังคงพยายามยืนหยัดรักษาพื้นที่ดังกล่าวที่ยึดได้เมื่อหลายวันก่อนอย่างแข็งขัน
ด้านโครงการอาหารโลกขององค์การสหประชาชาติออกโรงเตือนว่าการสู้รบอย่างดุเดือดระหว่างกองกำลังของฝ่ายรัฐบาลกับนักรบฝ่ายต่อต้านตลอดหลายวันที่ผ่านมา อาจทำให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งเลวร้าย เนื่องจากมีแนวโน้มว่าชาวเมืองอะเลปโปและอีกหลายพื้นที่โดยรอบซึ่งมีจำนวนมากกว่า 2.1 ล้านคน อาจประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มขั้นรุนแรงในเร็วๆนี้ และในขณะนี้มีประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินด้านอาหารแล้วกว่า 28,000 คน
ขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องสถานที่หลบซ่อนของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาดและครอบครัว เริ่มกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างหนักเนื่องจาก ผู้นำซีเรีย วัย 46ปียังไม่ออกมาปรากฏตัวต่อสาธารณชนแม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิด ที่กองบัญชาการหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ กลางกรุงดามัสกัสเมื่อวันที่ 18กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างน้อย 4 นายที่มีความใกล้ชิดกับผู้นำซีเรียเสียชีวิตรวมถึงนายอัสเซฟ ชอว์กัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมซึ่งเป็นพี่เขยของเขา อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังคงเชื่อว่าประธานาธิบดีอัสซาดยังคงอยู่ในซีเรีย และยังไม่น่าหลบหนีออกนอกประเทศในช่วงนี้