เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ผู้นำซีเรีย กำลังเผชิญสถานการณ์ยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่ขึ้นครองอำนาจเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ.2000 หลังต้องรับมือกับการรุกคืบของกองกำลังฝ่ายต่อต้านที่สามารถบุกเข้าถึงกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศ ขณะเดียวกันมีรายงานล่าสุดที่ระบุว่า การสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลกับฝ่ายต่อต้านได้ปะทุขึ้นที่เมืองอเลปโป เมืองสำคัญทางตอนเหนือของประเทศแล้วเช่นกัน
รายงานข่าวระบุว่า การปะทะกันอย่างดุเดือดตามท้องถนนระหว่างกองกำลังที่ภักดีต่อผู้นำซีเรีย กับฝ่ายต่อต้านได้เริ่มขึ้นที่เมืองอเลปโป ที่ถือเป็นศูนย์กลางด้านการค้าสำคัญทางตอนเหนือของประเทศ และมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นกว่า 3 ล้านคน โดยการสู้รบเริ่มขึ้นหลังจากที่นักรบของกองทัพซีเรียเสรี (เอฟเอสเอ) ได้บุกเข้าสู่เมือง อเลปโปจากเขตพื้นที่ชานเมืองโดยรอบ ก่อนเปิดฉากโจมตีทหารของฝ่ายรัฐบาลในย่านใจกลางเมือง ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การต่อต้านระบอบการปกครองของผู้นำซีเรีย ได้ลุกลามมาถึงเมืองอเลปโปที่เคยเป็นหนึ่งในที่มั่นสำคัญทางการเมืองของเขาแล้ว ขณะที่ประชาชนนับพันต่างพากันอพยพออกจากเมืองด้วยความโกลาหล
การปะทะกันที่สมรภูมิแห่งใหม่ในเมืองอเลปโป มีขึ้นหลังจากที่กองกำลังของรัฐบาลซีเรีย ได้ใช้ความพยายามอย่างหนักตลอดหลายวันที่ผ่านมา ในการทวงคืนพื้นที่ส่วนต่างๆของประเทศ ที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายต่อต้าน รวมถึงที่เขตไมดาน ในกรุงดามัสกัส โดยข้อมูลจากกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ระบุว่า กองกำลังของฝ่ายรัฐบาลระดมโจมตีที่มั่นของฝ่ายต่อต้านในหลายเมืองอย่างหนักหน่วง ทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน
ด้านกลุ่มสังเกตการณ์ซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชนซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงลอนดอนเผยเมื่อวันเสาร์ (21) ว่า ตลอด 48 ชั่วโมงนับตั้งแต่วันศุกร์ (20) มีผู้เสียชีวิตจากการสู้รบในซีเรียไปแล้วอย่างน้อย 550 ราย ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่นองเลือดที่สุดนับตั้งแต่เกิดการลุกฮือต่อต้าน “ระบอบอัสซาด” เมื่อ 16 เดือนก่อน
ขณะเดียวกัน ทอมมี เวียเทอร์ โฆษกทำเนียบขาวออกมาแถลงที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในช่วงค่ำวันเสาร์ (21) ระบุ รัฐบาลสหรัฐฯกำลังหารือกับประเทศเพื่อนบ้านของซีเรีย เกี่ยวกับความกังวลที่อาจเกิดการแพร่กระจายของอาวุธเคมีในภูมิภาค รวมถึงโอกาสที่รัฐบาลซีเรียจะนำอาวุธร้ายแรงเหล่านี้ออกมาใช้เพื่อตอบโต้ฝ่ายต่อต้าน
ทั้งนี้ แหล่งข่าวซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อภายในหน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ ออกมาให้ความเห็นว่า ระบอบการปกครองของอัสซาดอาจยังไม่ถึงกับต้องล่มสลายแบบทันทีทันใดในตอนนี้ แต่เชื่อว่าประธานาธิบดีอัสซาดอาจรักษาอำนาจไว้ได้อีกเพียง 2-3 เดือนนับจากนี้เท่านั้น