เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี ของอิตาลี ประสบความปราชัยอีกครั้ง หลังผลการลงประชามติประกาศออกมาอย่างเป็นทางการวันนี้ (14) โดยประชาชนส่วนใหญ่มีมติคัดค้านแผนหวนกลับไปใช้พลังงานนิวเคลียร์ รวมทั้งไม่ต้องการเห็นผู้นำประเทศได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองทางกฎหมายอีกต่อไป
การลงประชามติระหว่างวันอาทิตย์ (12) และวันจันทร์ (13) ครั้งนี้มีขึ้นหลังจากพรรครัฐบาลเพิ่งพ่ายแพ้การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นถล่มทลายเมื่อเดือนที่แล้ว มติมหาชนต่อต้านโครงการภาครัฐครั้งนี้ยิ่งสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้กับบรรดาผู้สนับสนุนแบร์ลุสโกนี
เสียงชี้ขาดของประชาชนมากกว่า 90 เปอร์เซนต์ล้วนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในคำถามประชามติ 4 ข้อ ได้แก่ โครงการฟื้นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ กฎหมายเอกสิทธิ์คุ้มครองนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี และประเด็นการแปรรูปการประปาอีก 2 ข้อ
ช่วงเช้าวันนี้ กระทรวงมหาดไทยอิตาลีได้ประกาศผลประชามติอย่างเป็นทางการ แต่เสียงจำนวนนี้ยังไม่นับรวมกับมติของชาวอิตาลีที่อาศัยอยู่ในต่างแดน
อย่างไรก็ตาม เป็นที่แน่ชัดว่าประชาชนเกินกว่า 94 เปอร์เซนต์คัดค้านโครงการฟื้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของรัฐบาล หนึ่งในนโยบายหลักของแบร์ลุสโกนี
นอกจากนี้ ชาวอิตาลีเกือบ 95 เปอร์เซนต์ลงมติให้เพิกถอนเอกสิทธิ์คุ้มครองแบร์ลุสโกนีทางกฎหมาย ในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยกฎหมายฉบับนี้ส่งผลให้เขาได้รับการยกเว้นการขึ้นให้การในชั้นศาล
ด้านซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี ไม่ยอมร่วมลงประชามติ มิหนำซ้ำรัฐบาลอิตาลียังรณรงค์ไม่ให้ผู้สนับสนุนออกไปใช้สิทธิ์ ทว่าข้อมูลของทางการชี้ว่า ผู้มีสิทธิ์มีเสียงเกือบ 56 เปอร์เซนต์ตื่นตัวออกมาแสดงความเห็นในช่วงสองวันที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากมีประชาชนร่วมลงประชามติไม่ถึงกึ่งหนึ่ง มติมหาชนนี้ก็จะไม่มีผลทางกฎหมาย
เสียงคัดค้านกฎหมายเอกสิทธิ์คุ้มครองเกือบ 100 เปอร์เซนต์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าประชาชนหมดศรัทธาในตัวนายกรัฐมนตรีวัย 74 ปีคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จากเรื่องคดีที่ค้างอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลจำนวน 3 คดี
ข้อกล่าวหาต่อตัวซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี พัวพันถึงการรับสินบน การโกงภาษี การใช้อำนาจโดยมิชอบ และการซื้อบริการทางเพศจากผู้เยาว์อายุ 17 ปี
อนึ่ง การพ่ายแพ้ศึกประชามตินี้นับเป็นหายนะครั้งที่ 2 ของแบร์ลุสโกนีในช่วงเวลาห่างกันไม่ถึงเดือน โดยช่วงเดือนพฤษภาคม พรรคพีเพิล ออฟ ฟรีดอม ของเขาเพิ่งพ่ายแพ้การเลือกตั้งนายกเทศมนตรี ไม่เว้นแม้กระทั่งในเมืองมิลาน และเมืองเนเปิลส์ ฐานเสียงสำคัญ ปีนี้ชาวอิตาลีจึงได้เห็นคะแนนนิยมแบร์ลุสโกนีตกต่ำที่สุดตั้งนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี