xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯจัดรำลึกครบ 10 ปี เหตุสังหารหมู่โคลัมไบน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(ไฟล์ภาพ)
เอเอฟพี - ธงชาติในทั่วทั้งมลรัฐโคโลราโดของสหรัฐฯ จะถูกลดลงมาครึ่งเสาในวันจันทร์(20) เมื่อมลรัฐแห่งนี้จัดพิธีรำลึกเหตุสังหารหมู่ที่โรงเรียน โคลัมไบน์ ไฮสกูล ครบรอบ 10 ปี โศกนาฏกรรมคราวนั้นได้คร่าชีวิตผู้คนไป 13 คน และมีผู้บาดเจ็บอีก 23 ราย

บรรดาญาติของเหยื่อตลอดจนผู้นำชุมชนมาชุมนุมกัน เพื่อแสดงความอาลัยต่อเหตุสลด ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 20 เมษายน ปี 1999 เมื่อวัยรุ่นชาย 2 คน คือ อีริค แฮร์ริส และ ไดแลนด์ เคลบอล์ด พร้อมอาวุธร้ายแรงหลายชนิด สาดกระสุนใส่เพื่อนนักเรียนทั่วโรงเรียน

ในวันอาทิตย์ (19) มีการทำพิธีจุดเทียนไว้อาลัยบริเวณอนุสรณ์สถานโคลัมไบน์ ที่เมืองลิตเทิลตันในมลรัฐโคโลราโด ก่อนที่วันรุ่งขึ้น (20) จะมีพิธีรำลึกครบรอบ 10 ปี ของวันอันโหดร้าย ซึ่งกัดกร่อนอยู่ภายในจิตวิญญาณของชาติ

เหตุสังหารหมู่ครั้งนี้ เป็นหนึ่งในการก่อเหตุกราดยิงครั้งแรกๆ ที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ภาพอันชวนขวัญสยองของเหล่าเด็กนักเรียน ซึ่งได้รับบาดเจ็บพยายามตะเกียกตะกายออกมาทางหน้าต่าง ขณะที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ พร้อมอาวุธครบมือกำลังบุกเข้าไป จึงถูกแพร่ภาพไปทั่วโลก

บิลล์ ริตเตอร์ ผู้ว่าการมลรัฐโคโรลาโด ซึ่งประกาศตั้งแต่วันศุกร์ (17) ให้อาคารสถานที่สาธารณะลดธงชาติลงมาครึ่งเสา กล่าวว่า โศกนาฏกรรมครั้งนั้น “จะคงอยู่ในความทรงจำของเรา”

การสังหารนักเรียน 12 ราย และครูของพวกเขาในครั้งนั้น ถือเป็นการสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์ครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ และความรำลึกถึงพวกเขาจักต้องไม่ถูกหลงลืม ผู้ว่ามลรัฐโคโรลาโด กล่าว “เราไม่อาจปล่อยให้บทเรียนต่างๆ จากเหตุสังหารหมู่ครั้งนั้น ถูกเลือนลางไปตามกาลเวลา ครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ในความคิดและการสวดมนต์วิงวอนของเรา”

หลังเกิดเหตุสลดดังกล่าว ทางโรงเรียนโคลัมไบน์ ไฮสกูล จะหยุดการเรียนการสอนในวันที่ 20 เมษายนของทุกๆ ปี

สำหรับ แฟรงค์ ดีแอนเจลิส อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ ซึ่งดำรงตำแหน่งมายาวนาน โดยเคยประกาศว่าจะทำหน้าที่ต่อจนกว่านักเรียนระดับอนุบาลทุกคน ซึ่งอยู่ที่โรงเรียนในวันเกิดเหตุ จะสำเร็จการศึกษา ก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมพิธีในวันจันทร์ด้วย (20)

ขณะที่เหตุการณ์โคลัมไบน์ได้กลายเป็นตัวเร่ง ทำให้เกิดการอภิปรายถกเถียงอย่างดุเดือดในเรื่องการควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่รัฐธรรมนูญมีบทมาตราระบุคุ้มครองสิทธิในการครอบครองอาวุธปืน อย่างไรก็ดี ความพยายามทั้งหลายที่จะให้มีการจำกัดควบคุมปืนนั้น ในที่สุดก็ล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่า

รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ล้มเหลวไม่ได้มีการยืดชีวิตกฎหมายห้ามซื้อขายอาวุธปืนไรเฟิลสังหาร ซึ่งหมดอายุลงในปี 2004

คณะรัฐบาลของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ในปัจจุบัน ได้แถลงว่า มีแผนจะต่ออายุกฎหมายห้ามฉบับดังกล่าว ปรากฏว่า ส่งผลให้การค้าขายอาวุธปืนเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว

เกิดเหตุกราดยิงตามมาอีกหลายครั้งนับตั้งแต่โศกนาฏกรรมโคลัมไบน์ โดยที่สร้างความสะเทือนใจมากที่สุด คือ การสังหารหมู่ที่เวอร์จิเนีย เทค ในปี 2007 ซึ่งคร่าชีวิตเหยื่อ 32 ราย ปรากฏว่า อาวุธสังหารที่ใช้ก่อเหตุสลดเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ถูกครอบครองอย่างถูกกฎหมาย

แต่อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจของสำนักต่างๆ เมื่อเร็วๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า เสียงสนับสนุนให้ใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้นในการควบคุมอาวุธปืนได้ตกต่ำถึงขีดสุด โดยจากผลสำรวจของซีเอ็นเอ็น ระบุว่า มีเพียง 39 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่สนับสนุนให้ใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น เปรียบเทียบกับ 8 ปีที่แล้วซึ่งสูงถึง 54 เปอร์เซ็นต์

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยและความมั่นคง กล่าวด้วยว่า เหตุสังหารหมู่ที่โคลัมไบน์ ยังนำไปสู่การปรับปรุงในด้านต่างๆ เช่น การออกแบบสถานศึกษา, โครงการเพื่อเข้าถึงนักเรียน ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและองค์กรการศึกษา

เดนนิส เลวิส ผู้อำนวยการของ “เอ็ดดู-เซฟ” องค์กรที่ปรึกษาด้านการอบรมและรักษาความปลอดภัยในสถานศึกษา กล่าวว่า ยังจำเป็นต้องสร้างมาตรฐานความปลอดภัยระดับชาติสำหรับสถานศึกษาต่างๆ ขึ้นมา

กำลังโหลดความคิดเห็น