เอเจนซี - ราคาพืชผลที่ลดต่ำลง ทำให้เกิดความรู้สึกว่า ความมั่นคงทางอาหารไม่น่ากังวลอีกต่อไป แต่ตัวเลขจำนวนผู้คนที่มีไม่พอกิน ยังคงสูงขึ้นในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย รายงานของยูเอ็นเผยวันนี้ (30)
ฌาคส์ ดีอูฟส์ ผู้อำนวยการทั่วไปขององค์การอาหารและเกษตร (เอฟเอโอ) แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รายงานในการแถลงข่าวที่กรุงเทพฯ ว่า แม้ว่าราคาธัญพืชจะลดต่ำลงในตลาดทั่วโลก แต่ราคาขายปลีกไม่ได้ลดลงในประเทศที่กำลังพัฒนา และระดับราคาของธัญพืชยังคงสูงกว่าราคาเฉลี่ยในปี 2006 ด้วย
เขากล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจโลกได้ทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิมด้วย โดยเขาเผยว่า สต็อคธัญพืชได้อยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เปราะบางมาก
เขาแสดงความกังวลว่า หากมีปัจจัยทางสภาพอากาศเลวร้ายก็จะทำให้สถานการณ์ย้อนไปในปี 2007 ซึ่งมีน้ำท่วมรุนแรงในอเมริกาเหนือและแอฟริกาใต้ ซึ่งส่งผลต่อปริมาณของผลผลิตอย่างมาก
ทั้งนี้ เอฟเอโอ ประเมินว่า ประชากรมากกว่า 1,000 ล้านคนในโลกจะหิวโหยในปีนี้ เพราะผลจากวิกฤตเศรษฐกิจและราคาอาหารสูง ตัวเลขคนที่ขาดแคลนอาหารอย่างเรื้อรังเพิ่มมากขึ้นอย่างคงที่ ด้วยตัวเลข 75 ล้านคน ในปี 2007 และ 40 ล้านคนตามการประเมินภายในปี 2008 โดยภายในสิ้นปี 2008, 963 ล้านคนจะอยู่ภายใต้ภาวะขาดแคลนอาหาร ซึ่งสองในสามเป็นประชนที่อยู่ในเขตเอเชีย-แปซิฟิก
เขาได้เรียกร้องให้มีการลงทุนไปยังการผลิตภาคเกษตร ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินมากถึง 30,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งจะช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยได้ถึงราว 500 ล้านคน แม้ตัวเลขจะดูสูงมาก แต่เป็นเงินจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินนับล้านล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลตะวันตกใช้จ่ายไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เอฟเอโอ ยังระบุว่า ระหว่างปี 2006-2008 ราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้นถึง 170 เปอร์เซ็นต์ ราคาอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น 70 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เกษตรกรรายย่อยไม่สามารถซื้อหาได้ และดีอูฟส์กล่าวว่า ต้องได้รับว่าเงินบริจาคต้องอยู่ในระดับเดียวกับในปลายทศวรรษ 1970 และต้นทศวรรษ 1980 ซึ่งเงินบริจาคจากต่างชาติ 17 เปอร์เซ็นต์ได้เข้าไปสู่ภาคการเกษตรและช่วยส่งเสริมการปฏิวัติเขียวในเอเชียและละตินอเมริกา
แต่ในทศวรรษนี้ เงินบริจาคกลับดิ่งลงเหลือเพียง 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น