เอเจนซี - ราคาน้ำมันขยับขึ้นกว่า 4 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันศุกร์(6) สืบเนื่องจากความคาดหมายต่อกลุ่มโอเปกจะลดกำลังผลิตอีกครั้ง มีน้ำหนักเหนือกว่าข้อมูลทางเศรฐกิจอันอ่อนแอของสหรัฐฯ หลังพบตัวเลขคนว่างงานสูงสุดในรอบ 60 ปี ที่ได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นมะกันปิดตัวผันผวน
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.91 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ของลอนดอนปิดที่ 44.85 ดอลลาร์ ขยับขึ้น 1.21 ทำให้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2008 ที่น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดกลับมามีราคาสูงกว่าเบรนต์ตามปกติ
"ตลาดน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในวันนี้อาจบ่งชี้ว่าผู้คนมองถึงความจริงว่ากำลังจะมีการลดกำลังผลิตในอนาคต" จีน แมคกิลเลียน นักวิเคราะห์จากเทรดิชันเอเนอร์จีกล่าว
เวเนซุเอลา หนึ่งในชาติสมาชิกโอเปก กล่าวว่าพวกเขาจะเสนอให้ลดกำลังผลิตลงอีกครั้ง ณ ที่ประชุมของกลุ่มครั้งต่อไปในวันที่ 15 มีนาคมนี้
ขณะที่ นายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี เลขาธิการโอเปก กล่าวในวันศุกร์(6) ว่าราคาน้ำมันที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเสี่ยงต่อการขาดแคลนอุปทานในอนาคตเนื่องจากทำให้หลายชาติลดการลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมัน
ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นยังได้แรงส่งจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงหากเทียบกับยูโรจากข่าวการปลดคนงานอย่างรุนแรงในสหรัฐฯเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้การอ่อนค่าของดอลลาร์มีส่วนช่วยเพิ่มอุปสงค์น้ำมัน
แนวโน้มเศรษฐกิจของจีนที่อยู่ในทิศทางของการฟื้นตัวตามคำกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่ปักกิ่ง ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น
อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันเมื่อวันศุกร์(6) ไม่สามารถทะยานไปได้ไกลกว่านี้ เหตุถูกฉุดรั้งจากข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
สหรัฐฯเผยตัวเลขปลดคนงานในเดือนกุมภาพันธ์ถึง 651,000 ตำแหน่ง มากที่สุดในรอบ 60 ปี โดยข่าวอันไม่น่าประทับใจนี้ยังมีตามหลังคำเตือนจากชาติยุโรปว่าทวีปของพวกเขากำลังเผชิญกับวิกฤตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ข่าวร้ายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังในช่วงต้นสามารถขยับขึ้นไปในแดนบวก แต่หลังทราบถึงตัวเลขปลดคนงาน ทำให้ตลาดผันผวนและปิดตัวผสมผสาน
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ขยับขึ้น 35.84 จุด (0.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,630.28 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 1.08 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 68.63 จุด แต่ แนสแดก ปิดตลาดลดลง 5.74 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,293.85 จุด