xs
xsm
sm
md
lg

ไดอารีพิธีฮัจญ์ (1) : การเดินทางสู่นครมักกะฮ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กะบะห์ หรือ บัยตุลลอห์
อัลญะซีเราะห์ - สถานีโทรทัศน์ข่าวตะวันออกกลางเกาะติดความเคลื่อนไหวตลอดการประกอบพิธีฮัจญ์อันศักดิ์สิทธิของชาวมุสลิมทั่วโลก โดยปีนี้ยามัล อัลชัยยัล ผู้สื่อข่าวจากอัลญะซีเราะห์พร้อมคณะ ออกเดินทางสู่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อร่วมพิธีฮัจญ์และจัดทำรายงานพิเศษในรูปแบบไดอารีออนไลน์ซึ่งบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ตลอดการเดินทางแสวงบุญ

วันแรกในนครมักกะฮ์

อัลชัยยัลบรรยายอารมณ์ความรู้สึกก่อนเดินทางไปทำพิธีฮัจญ์ครั้งแรกในชีวิตว่า รู้สึกประหม่าไม่น้อย แม้จะเคยเห็นเพื่อนฝูงและสมาชิกครอบครัวหลายต่อหลายคนเดินทางไปแล้วก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาเองยังไม่รู้ว่าความรู้สึกจริง ๆ จะเป็นเช่นไร จนกว่าจะเดินไปถึงที่นั่น

ขั้นตอนการทำพิธีฮัจญ์เริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่ก่อนเดินทางออกจากบ้าน ด้วยการอาบน้ำตามศาสนบัญญัติ, การขออภัยโทษจากทุกคนที่รู้จัก,การคืนเงินทุกบาททุกสตางค์กับเจ้าหนี้ เป็นต้น

หลังร่ำลาพี่สาวและพี่เขยที่สนามบิน อัลชัยยัลก็พบกับทีมงานคนอื่น ๆ ของอัลญะซีเราะห์ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังซาอุดีอาระเบียด้วยกัน เพื่อปฎิบัติศาสนกิจและจัดทำงานรายงานพิเศษตลอดการประกอบพิธีฮัจญ์ประจำปี 2008

**ความศรัทธาและความเป็นพี่น้อง**

ระหว่างรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน เขามองรอบ ๆ และสังเกตเห็นลักษณะสำคัญประการหนึ่งของพิธีฮัจญ์ ซึ่งแม้จะเป็นระดับย่อย ๆ ก็ตาม -- นั่นคือ หลักการอันยิ่งใหญ่ที่ว่า ความศรัทธาและความเป็นพี่น้องอยู่เหนือความแตกต่างหรือความแตกแยกทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม -- ปรากฎอยู่ในทีมงานที่เดินทางไปด้วยกัน เพราะทีมงานของเขาประกอบด้วยคนจากหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวอียิปต์,ชาวโมร็อกโก, ชาวอังกฤษ และชาวออสเตรเลีย

เมื่อใกล้ถึงสนามบินระหว่างประเทศในเมืองยิดดะห์ของซาอุดีอาระเบีย กัปตันเครื่องบินกล่าวกับผู้โดยสารว่า เครื่องบินเพิ่งบินผ่าน "มีย์ก็อต" 1 ใน 6 ประตูเข้าสู่เขตการครอง “เอี๊ยะรอม” ซึ่งหมายถึงการปฏิญาณตนว่าจะทำพิธีฮัจญ์ ตลอดจนตั้งมั่นว่าจะรักษากฎต่างๆ อาทิเช่น การไม่ร่วมประเวณี, การไม่ล่าสัตว์ การไม่ตัดเล็บหรือผม รวมทั้ง การไม่เสริมสวยหรือใช้น้ำหอม และสวมชุดขาวโพลนในระหว่างที่ประกอบพิธี อัลชัยยัลนึกในใจว่า บัดนี้พวกเขาคือผู้แสวงบุญเต็มตัวแล้ว

จากนั้นผู้โดยสารต่างพร้อมใจกันตะเบ็งเสียงว่า "ลับบัยก์ อัลลอฮุมมะ ลับบัยก์" (เราพร้อมแล้วที่จะปฎิบัติตามคำสั่งของอัลเลาะฮ์)ดังกระหึ่มทั่วเครื่องบิน

ผู้สื่อข่าวอัลญะซีเราะห์เล่าว่า หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้น และรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะเดินทางกลับบ้านอีกครั้งหลังจากไปนานแสนนาน ทั้งที่ความจริงแล้ว ตลอดชีวิตไม่เคยเดินทางมามักกะฮ์เลยซักครั้ง

**เข้าใกล้เมืองมักกะฮ์**

หลังเช็คอินและพักผ่อนชั่วครู่ ทีมงานตัดสินใจเดินทางไปยังกะบะห์ หรือ บัยตุลลอห์ สิ่งก่อสร้างรูปทรงลูกบาศก์ อันเป็นเสมือนเสาหลักของชุมทิศ ซึ่งตั้งอยู่ใน มัสญิด ฮะรอม (มัสยิดต้องห้าม) เพื่อทำพิธีตอวาฟ หรือการเดินวนรอบกะบะห์ 7 รอบ เพื่อเดินตามรอยเท้าของศาสดามูฮัมมัด ศาสดาองค์สุดท้ายของศาสนาอิสลาม

อัลชัยยัลเผยว่า แม้จะเคยได้ยินเรื่องราวต่าง ๆ มามากเพียงใด, เห็นภาพต่าง ๆ มานักต่อนัก แต่ยังไม่มีสิ่งใดคลับคล้ายคลับคลาในสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ตรงหน้าเลย

ผู้คนหลายแสนหลายล้านชีวิตจากทุกสีผิว, ทุกเพศทุกวัย,ทุกเชื้อชาติ พร้อมปฎิบัติิในสิ่งเดียวกัน สถานที่แห่งเดียวกัน และเพื่อเหตุผลเดียวกัน

อัลชัยยัลบอกว่า คนที่ยืนข้าง ๆ เขาอาจเป็นนักธุรกิจมหาเศรษฐี หรืออาจจะเป็นพนักงานต้อนรับธรรมดา ๆ ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกความแตกต่างของในหมู่ผู้แสวงบุญ

**ความเสมอภาค**

หลังตอวาฟหรือเดินวนรอบกะบะห์ ทีมงานอัลญะซีเราะห์เดินไปดื่มน้ำที่บ่อน้ำซัมซัม ซึ่งเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงไหลริน นับตั้งแต่สมัยนบีอิบรอฮีม ศาสดาผู้หนึ่งของศาสนาอิสลาม

ก่อนสิ้นสุดวันแรกของการเดินทาง อัลชัยยัลเล่าว่า หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายวันนี้ (6) อย่างหนึ่งที่เขารู้คือหากจะเกิดความเสมอภาคของมวลมนุษยชาติแล้ว เขาเพิ่งประสบพบเจอหมาด ๆ ในพิธีฮัจญ์

ผู้สื่อข่าวอัลญะซีเราะห์ทิ้งท้ายว่า บนโลกที่ไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าใดนัก บัดนี้ เขาเพิ่งพบประสบการณ์ที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด

ชาวมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพิธีฮัจญ์แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น