นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคมของทุกปี พื้นที่กรุงเทพมหานครจะประสบปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.ปัจจัยด้านสภาพอากาศในช่วงเวลาดังกล่าว มักเกิดภาวะอากาศปิดจากมวลอากาศเย็นกดทับ ส่งผลให้ฝุ่นที่มีอยู่ในอากาศถูกอัดแน่นมากขึ้น 2.ปัจจัยจากยานพาหนะ ส่วนใหญ่เกิดจากรถยนต์ดีเซลเก่าที่มีการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ทำให้ปล่อยฝุ่นจำนวนมากสู่ท้องถนนและกระจายเข้าสู่บรรยากาศ 3. ปัจจัยจากการเผาชีวมวล เช่น การเผาในจังหวัดใกล้เคียง หรือในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีลมพัดพาเข้าสู่กรุงเทพมหานคร เมื่อทั้ง 3 ปัจจัยเกิดขึ้นพร้อมกัน ทำให้ค่าฝุ่น PM2.5 สูงขึ้นถึง 90 มคก./ลบ.ม. อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามีเพียง 2 ปัจจัย เช่น ในวันที่มีอากาศปิด และมลพิษจากรถยนต์ ยังส่งผลให้ค่าฝุ่น PM2.5 สูงถึง 60 มคก./ลบ.ม. ซึ่งอยู่ในระดับสีส้ม
กรุงเทพมหานคร จึงได้ดำเนินการเพิ่มเข้มข้นในหลายมาตรการที่ทำตลอดทั้งปี หนึ่งในมาตรการที่ดำเนินการคือการ Work From Home (WFH) ซึ่งในปี 2569 กรุงเทพมหานครได้เพิ่มแนวทางการ WFH โดยขอความร่วมมือและเป็นทางเลือกให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนร่วมดูแลอากาศสะอาด ดังนี้
1. WFH เมื่อกรุงเทพมหานครประกาศขอความร่วมมือ ภายใต้เงื่อนไข หากพบค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีส้ม (ค่า PM2.5 ตั้งแต่ 37.6 - 75.0 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 35 เขตขึ้นไป (70% ของพื้นที่กรุงเทพฯ) อัตราการระบายอากาศ (VR) ไม่ดี คือ น้อยกว่า 2,000 ตารางเมตรต่อวินาที และพบจุดความร้อน (จุดเผา) เกินวันละ 80 จุด ติดต่อกัน 3 วัน
2. หน่วยงาน WFH อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน ระหว่างเดือนม.ค. 68 – มี.ค. 69 โดยสามารถรวบรวมรายละเอียดจำนวนวันที่ WFH จำนวนพนักงาน ระยะทาง และประเภทการเดินทางของพนักงาน เพื่อให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) คำนวณการลดคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าจากการลดการใช้เชื้อเพลิงของบริษัทหรือหน่วยงานได้
โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อปี 2568 กรุงเทพมหานคร ประกาศเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนร่วมลงทะเบียนเป็นเครือข่าย WFH ซึ่งมีหน่วยงานร่วมลงทะเบียนเป็นภาคีเครือข่าย 133 แห่ง โดยมีการประกาศขอความร่วมมือ WFH ระหว่างวันที่ 20 - 21 ม.ค. 68 และในปีนี้เพื่อเตรียมความพร้อมแก้ไขสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 จึงขอเชิญหน่วยงานภาครัฐเอกชนร่วมลงทะเบียนเป็นเครือข่าย WFH ตั้งเป้า 300,000 คน โดยสามารถลงทะเบียนผ่านลิงก์ https://u.bangkok.go.th/WFH2569 ปัจจุบันมีหน่วยงานร่วมลงทะเบียนเป็นภาคีเครือข่ายแล้ว 62 แห่ง
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข่าวสารสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และการประกาศ Work From Home ของกรุงเทพมหานคร ได้ที่กลุ่มไลน์ WFH BKK หรือกดติดตามเพจเฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร หรือ สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. หรือ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสิ่งแวดล้อมยั่งยืน สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2203 2951
กรุงเทพมหานคร จึงได้ดำเนินการเพิ่มเข้มข้นในหลายมาตรการที่ทำตลอดทั้งปี หนึ่งในมาตรการที่ดำเนินการคือการ Work From Home (WFH) ซึ่งในปี 2569 กรุงเทพมหานครได้เพิ่มแนวทางการ WFH โดยขอความร่วมมือและเป็นทางเลือกให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนร่วมดูแลอากาศสะอาด ดังนี้
1. WFH เมื่อกรุงเทพมหานครประกาศขอความร่วมมือ ภายใต้เงื่อนไข หากพบค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีส้ม (ค่า PM2.5 ตั้งแต่ 37.6 - 75.0 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 35 เขตขึ้นไป (70% ของพื้นที่กรุงเทพฯ) อัตราการระบายอากาศ (VR) ไม่ดี คือ น้อยกว่า 2,000 ตารางเมตรต่อวินาที และพบจุดความร้อน (จุดเผา) เกินวันละ 80 จุด ติดต่อกัน 3 วัน
2. หน่วยงาน WFH อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน ระหว่างเดือนม.ค. 68 – มี.ค. 69 โดยสามารถรวบรวมรายละเอียดจำนวนวันที่ WFH จำนวนพนักงาน ระยะทาง และประเภทการเดินทางของพนักงาน เพื่อให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) คำนวณการลดคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าจากการลดการใช้เชื้อเพลิงของบริษัทหรือหน่วยงานได้
โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อปี 2568 กรุงเทพมหานคร ประกาศเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนร่วมลงทะเบียนเป็นเครือข่าย WFH ซึ่งมีหน่วยงานร่วมลงทะเบียนเป็นภาคีเครือข่าย 133 แห่ง โดยมีการประกาศขอความร่วมมือ WFH ระหว่างวันที่ 20 - 21 ม.ค. 68 และในปีนี้เพื่อเตรียมความพร้อมแก้ไขสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 จึงขอเชิญหน่วยงานภาครัฐเอกชนร่วมลงทะเบียนเป็นเครือข่าย WFH ตั้งเป้า 300,000 คน โดยสามารถลงทะเบียนผ่านลิงก์ https://u.bangkok.go.th/WFH2569 ปัจจุบันมีหน่วยงานร่วมลงทะเบียนเป็นภาคีเครือข่ายแล้ว 62 แห่ง
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข่าวสารสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และการประกาศ Work From Home ของกรุงเทพมหานคร ได้ที่กลุ่มไลน์ WFH BKK หรือกดติดตามเพจเฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร หรือ สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. หรือ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสิ่งแวดล้อมยั่งยืน สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2203 2951


