xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลเดินหน้า 3 แนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนแบบเบ็ดเสร็จ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความเป็นห่วงสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่เรื้อรังมายาวนาน และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชน และยิ่งทำให้ปัญหานี้ท้าทายมากขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนแบบเบ็ดเสร็จ รัฐบาลจึงเดินหน้าใน 3 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน การกำกับดูแลเจ้าหนี้ให้ปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ เป็นธรรม และการปรับโครงสร้างหนี้และการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สิน

ทั้งนี้ มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินในครั้งนี้จะมีผลช่วยลดภาระของประชาชน และทำให้ประชาชนมีเงินเหลือไว้ใช้สอยมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยอีกทางหนึ่ง โดยจะมีประชาชนกลุ่มต่างๆ หลายล้านคนได้รับประโยชน์จากมาตรการแก้ปัญหาในครั้งนี้

นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก โดยเห็นว่าระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการเป็นหนี้ ไม่มีทางที่จะยั่งยืน สุ่มเสี่ยงต่อปัญหาเสถียรภาพในระยะยาว ประชาชนที่มีหนี้ มักจะมีความกังวลต่างๆ มากมาย ไม่มีสมาธิ ทำให้ใช้ชีวิตได้ไม่เต็มศักยภาพ ซึ่งบั่นทอนศักยภาพของประเทศโดยรวม

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเผยถึงการผลักดันมาตรการแก้หนี้ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดมาตราการระยะสั้นและระยะยาวในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยมาตรการระยะสั้นที่สามารถดำเนินการได้ภายใน 6 เดือน อาทิ การลดภาระดอกเบี้ยของประชาชน การแก้ไขการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ และดอกเบี้ยในช่วงพักชำระหนี้ที่ไม่เป็นธรรม การทบทวนเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคลและสินเชื่อจำนำทะเบียน การปรับลดค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็นและที่เรียกเก็บอย่างไม่สมควร โดยเร่งรัดให้คณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ ประกาศกำหนดอัตราค่าทวงถามหนี้โดยเร็วที่สุด

การกำกับดูแลธนาคารเฉพาะกิจ และสหกรณ์ออมทรัพย์ ให้มีการบริหารความเสี่ยงการให้สินเชื่อที่เหมาะสม ลดการให้ลูกหนี้ซื้อประกันความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นและพิจารณายกเลิกการค้ำประกันด้วยบุคคล เน้นการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินเพื่อลดการดำเนินคดีกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เร่งไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้กับผู้กู้ที่คำพิพากษาถึงที่สุดแล้วกว่า 1.2 ล้านราย และกลุ่มที่ยังไม่ฟ้องอีก 1.1 ล้านราย และเพิ่มการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ เพราะการที่ประชาชนรายย่อยไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้ และต้องไปกู้นอกระบบ เป็นหนึ่งในต้นเหตุของการเป็นหนี้ที่กติกาไม่เป็นธรรมและดอกเบี้ยสูงเกินเหตุ

สำหรับแนวทางในทางแก้ไขหนี้สินครู ข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจนั้น ในปัจจุบันพบว่าครูและข้าราชการจำนวนไม่น้อย ประสบปัญหาเงินเดือนหลังหักจ่ายหนี้แล้วเหลือไม่พอดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากมีภาระหนี้รวมในปัจจุบันสูงกว่าศักยภาพของเงินเดือน ทั้งนี้แนวทางแก้ไขประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก คือ

- การยุบยอดหนี้เงินต้นให้ลดลง ด้วยการนำรายได้ของข้าราชการเองในอนาคตมาลดภาระหนี้เงินกู้
- การให้เจ้าหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ลดอัตราดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ข้าราชการ เพื่อให้สอดคล้องกับการเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะได้ตัดเงินหน้าซองเงินเดือนทุกเดือน
- การปรับลดค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็น เช่น การทำประกัน ฯลฯ
- การปรับปรุงและยกระดับระบบการตัดเงินเดือนของข้าราชการ เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาหนี้ในครั้งนี้แตกต่างจากการแก้ไขหนี้ครั้งก่อนๆ ซึ่งที่ผ่านมาจะมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างหนี้ และเน้นที่ลูกหนี้แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ครั้งนี้จะให้ความสำคัญเรื่องการกำกับดูแลให้เจ้าหนี้ปล่อยสินเชื่ออย่างเป็นธรรมด้วย และยังเป็นการแก้ไขหนี้สินทั้งระบบ ไม่ใช่เป็นการแก้เฉพาะหนี้เสีย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาความเหมาะสมในเรื่องของกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ ไปในคราวเดียวกัน เพื่อให้เอื้อและไม่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินในครั้งนี้