นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง "นายกฯ กับ งานตำรวจ" กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,675 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10-15 มกราคม ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึง ปัญหาสำคัญที่ทำให้ตำรวจและหน่วยงานรัฐอื่นๆ ต้องเร่งแก้ไข อันดับแรก หรือร้อยละ 91.8 ระบุ ยาเสพติด เช่น เคนมผง ไอซ์ ยาบ้า ผงขาว ระบาดหนักในชุมชน สถาบันการศึกษา และสถานบันเทิง รองลงมา ร้อยละ 87.8 ระบุ บ่อนพนัน แหล่งแพร่โควิด ทำลายความสุขประชาชน หมดโอกาสช่วงเทศกาลความสุข บั่นทอนเสาหลักของสังคม ต้นตออาชญากรรมอื่นๆ ร้อยละ 87.3 ระบุ ขบวนการขนแรงงานผิดกฎหมาย ลักลอบเข้าเมือง ฟอกตัว ต้นตอแพร่โควิด ร้อยละ 86.1 ระบุ อาชญากรรมออนไลน์ เช่น ล่วงละเมิดสถาบันหลักของชาติ ล่อลวง คุกคาม พนันออนไลน์ มิจฉาชีพ ร้อยละ 85.3 ระบุ ค้ามนุษย์ ทั้งที่สมัครใจและไม่สมัครใจ แรงงานบังคับ เป็นต้น
เมื่อถามถึง การรับรู้ของประชาชนต่อปัญหาการทำงานของตำรวจ ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 98.0 ระบุ มีหลายเรื่องเกิดขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ที่ทำให้ต้องเร่งปฏิรูปตำรวจ เช่น ร่วมกับหน่วยงานรัฐอื่นๆ ช่วยผู้ต้องหา ผู้มีฐานะร่ำรวย พ้นผิดคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ต้นตอความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม การแสวงหาผลประโยชน์จากบ่อนพนัน ขบวนการฟอกตัว แรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย ยาเสพติด ฯลฯ ต้นตอการแพร่โควิด ทำประชาชนทุกข์ยากเดือดร้อน ในขณะที่ร้อยละ 2.0 ไม่ระบุ
ที่น่าพิจารณา คือ ความคิดเห็นต่อการปฏิรูปตำรวจ ต้นตอและวิธีการแก้ไข ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 98.9 เคลือบแคลงสงสัย ตำรวจซื้อขายตำแหน่ง รับสินบน ทุจริตต่อหน้าที่ ร้อยละ 98.7 ระบุ นายกรัฐมนตรีควรหาผู้นำหน่วยที่พร้อมร่วมมือปฏิรูปตำรวจมาทำงาน ร้อยละ 98.3 ระบุ การมีส่วนร่วมของประชาชนในการปฏิรูปตำรวจ ร่วมปฏิบัติตามกฎหมายเคร่งครัด ร้อยละ 95.8 ระบุ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำเป็นต้องถือธงนำปฏิรูปตำรวจ
ที่น่าสนใจ คือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 96.2 เชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถปฏิรูปตำรวจสำเร็จ ลดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นน้ำ เสริมสร้างศรัทธาของประชาชนต่อตำรวจ ในขณะที่ร้อยละ 3.8 ไม่เชื่อมั่น
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 98.6 เห็นด้วยที่ช่วงวิกฤตโควิด คือจังหวะเวลาเหมาะสมของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เร่งปฏิรูปตำรวจ เพื่อยับยั้งปัญหาซ้ำซากในอนาคต
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า วิกฤตคือโอกาส ที่ไม่ใช่โอกาสของตำรวจ แต่เป็นโอกาสของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นอกจากมีผลงาน ทำให้เกิดการรับรู้ในหมู่ประชาชนว่าเคยเข้ามาบริหารประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรี และมีผลงานต่างๆ จำนวนมาก แต่ยังเป็นผลงานในระดับการรับรู้ที่นายกรัฐมนตรีน่าจะใช้วิกฤตโควิด วิกฤตสังคมเวลานี้เป็นโอกาสปฏิรูปงานตำรวจ กลายเป็นที่จดจำของการเปลี่ยนแปลงที่ดี ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นที่รักของประชาชน ทำให้เสาหลักของชาติเป็นที่รักของประชาชนจากรุ่นสู่รุ่น มากกว่าผลงานของนายกรัฐมนตรีในอดีตที่เข้ามาและก็ออกไปโดยมีผลงานที่อยู่ในระดับของการรับรู้และเข้าใจเท่านั้น ดังนั้น วิกฤตนี้คือโอกาสของนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความทรงจำที่ดีในหมู่ประชาชน
นายนพดล กล่าวเพิ่มเติมว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของกระแสการปฏิรูปตำรวจ เอแบคโพลล์เคยมีการสำรวจพบมาแล้วในปี พ.ศ. 2550 โดยสอบถามกลุ่มเป้าหมายต่างๆ เช่น ประชาชนผู้สัมผัสงานตำรวจระดับสถานีทั่วประเทศ 10 กองบัญชาการ ประชาชนทั่วไป กลุ่มนักวิชาการรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์และกลุ่มข้าราชการตำรวจ พบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 70 ของประชาชนทั่วไปต้องการให้มีการปฏิรูปงานตำรวจ แต่เวลาผ่านมากว่า 10 ปี ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่กว่าร้อยละ 90 ของประชาชนทั่วไปต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจ
จึงสะท้อนให้เห็นอะไรบางอย่างที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ผู้มีอำนาจรัฐน่าจะนำไปพิจารณาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดี ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นที่รักของประชาชน เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นน้ำและลดความเคลือบแคลงสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยอื่นๆ กระทรวงอื่นในหลายจังหวัดของประเทศ ทั้งเรื่องบ่อนพนัน แรงงานเถื่อน ยาเสพติด แหล่งมั่วสุม จนกลายเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดโควิดรอบใหม่ ทำลายความสุขของประชาชนทั้่งประเทศช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ดังนั้น นายกรัฐมนตรีขู่หรือปราบขบวนการเหล่านี้อย่างเดียวไม่น่าจะเพียงพอ เพราะมันแค่หลบ ไม่ได้หมดไป นายกรัฐมนตรีจึงน่าจะถือธงนำปฏิรูปตำรวจตามที่ประชาชนไว้วางใจและเชื่อมั่นจากข้อมูลผลสำรวจครั้งนี้