xs
xsm
sm
md
lg

ไทย-อินเดียปัดฝุ่นการประชุม กก.ร่วมทางการค้าครั้งแรกในรอบ 17 ปี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย-อินเดีย (ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส) ครั้งที่ 12 ร่วมกับนายอนันต์ ซวาลัป อธิบดีกรมพาณิชย์ ฝ่ายกิจการอาเซียนของอินเดีย เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี เนื่องจากในช่วงดังกล่าวไทยและอินเดียมีการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี(FTA) ไทย-อินเดีย และ FTA อาเซียน-อินเดีย เมื่อ FTA ดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นพ้องที่จะฟื้นการประชุม JTC เพื่อเป็นเวทีหารือเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน รวมทั้งแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน

ในการหารือครั้งนี้ ไทยได้หยิบยกข้อกังวลของผู้ประกอบการไทย เรื่องประกาศของอินเดียที่จำกัดการนำเข้าสินค้าไทยหลายรายการ อาทิ ยางล้อ โทรทัศน์สี เครื่องปรับอากาศ ยางพารา ไม้ตัดดอกและเครื่องสำอาง รวมถึงได้กำหนดมาตรฐานใหม่ของสินค้าเคมีภัณฑ์และปุ๋ย ซึ่งอินเดียรับทราบประเด็นที่ไทยมีความกังวลและจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกร่วมกับไทยต่อไป

นอกจากนี้ ไทยยได้หยิบยกประเด็นการใช้ระเบียบศุลกากร ด้านกฎถิ่นกำเนิดสินค้าใหม่ของอินเดียที่กำหนดให้ผู้นำเข้าต้องระบุข้อมูลทางธุรกิจอย่างละเอียด เพื่อยืนยันถิ่นกำเนิดสินค้าตามแบบฟอร์มรับรองถิ่นกำเนิดของอินเดีย (Form I) ซึ่งผู้ส่งออกไทยได้รับผลกระทบ เนื่องจากผู้นำเข้าขอให้ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง บางเรื่องอาจเป็นข้อมูลความลับทางธุรกิจ อินเดียเห็นว่าปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ดังนั้นเพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ส่งออกไทยในเรื่องดังกล่าว ไทยได้ขอให้อินเดียร่วมจัดสัมมนาออนไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกไทยได้รับทราบคำชี้แจง และมีโอกาสสอบถามกับผู้เชี่ยวชาญด้านศุลกากรของอินเดียโดยตรง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อไป

ขณะเดียวกัน ไทยยังได้เชิญชวนผู้ประกอบการอินเดียเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของไทยที่จะจัดในอินเดีย ช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2564 ตลอดจนงานที่จัดในไทยผ่านระบบออนไลน์และออฟไลน์ และยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่อาจเพิ่มความร่วมมือ เพื่อขยายมูลค่าทางการค้าระหว่างกัน อาทิ สิ่งทอเทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษา การดูแลสุขภาพและการท่องเที่ยว ซึ่งต้องหารือในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป