นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เรียกประชุมด่วนคณะทำงานติดตามการดำเนินงานป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยที่ประชุมมีมติยังไม่ปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ระหว่างแม่สายกับท่าขี้เหล็ก แต่จะขอความร่วมมือทางการเมียนมาในการสุ่มตรวจคนขับรถบรรทุกชาวเมียนมา หลังจากที่ผ่านมามีการตรวจเฉพาะคนไทย และไม่ให้ชาวเมียนมาขับผ่านพรมแดนเข้ามาสู่ชั้นใน
ขณะที่ได้รับแจ้งมีขบวนการขนคนข้ามมาจากฝั่งเมียนมา โดยมีหัวหน้าเป็นชาวต่างด้าวที่อาศัยอยู่ที่ชายแดนฝั่งไทย จึงได้มอบข้อมูลให้ พ.ต.อ.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจ จ.เชียงราย เพื่อนำไปสืบสวนทลายขบวนการ เพราะเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการเดินทางของผู้ป่วยหญิงที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งลักลอบเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามาในประเทศ
นอกจากนี้ ให้ประสานไปยังท่าขี้เหล็ก ให้ตรวจหาคนไทยและนำส่งออกมาทางด่านพรมแดนตามช่องทางปกติ เพราะเชื่อว่ายังมีหญิงไทยอีกหลายคนที่ข้ามไปทำงานในสถานบันเทิงโดยเฉพาะที่โรงแรมวันจีวัน แห่งเดียวกับผู้ป่วยหญิงไทยที่เชียงใหม่ทำงานอยู่
ขณะเดียวกัน ให้ผู้ที่มีประวัติลักลอบเดินทางมาจากเมียนมาให้ไปรายงานตัวที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) รวมทั้งเร่งรัดจัดตั้งศูนย์กักดูอาการหรือ Local Quarantine ที่ชายแดน อ.แม่สาย เพื่อไม่ให้กลุ่มเสี่ยงเข้ามาลึกจากชายแดนและสนับสนุน Local Quarantine ใน อ.เมืองเชียงราย ที่เริ่มมีสภาพแออัดมากขึ้น
นายประจญ กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้พยายามป้องกันการลักลอบข้ามแดนอย่างเต็มที่แล้ว แต่มีกลุ่มคนที่ทำเป็นขบวนการนำพาเข้ามาโดยคิดค่าจ้างข้ามฝั่งท่าขี้เหล็กมาแม่สายหัวละ 3,000-5,000 บาท และเพิ่มเป็น 7,000 บาท หลังพบผู้ป่วยโควิด-19 โดยชายแดนไทย-เมียนมา มีระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร และบางช่วงเป็นลำน้ำ
ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย จะมีการออกประกาศให้ประชาชนกลับมาเข้มงวดเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างอีกครั้ง ส่วนการเร่งหาผู้สัมผัสกับผู้ป่วยหญิงที่เชียงใหม่มาตรวจหาเชื้อ มีความคืบหน้าไปมากแล้ว หากพ้นเดือนธันวาคม แล้วไม่มีตัวเลขเพิ่ม ก็ถือว่าทำได้สำเร็จ