รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงสถานการณ์โควิด-19 ระบุว่า
สถานการณ์ทั่วโลก 11 ตุลาคม 2563
สัปดาห์นี้น่าเป็นห่วงมาก ทั่วโลกติดเพิ่มกันโหด 1 ล้านคน ภายในเวลา 3 วัน เร็วกว่าช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมักใช้เวลา 3.5-4 วัน
เมื่อวานติดเพิ่มอีก 372,387 คน รวมแล้วตอนนี้ 37,434,089 คน ตายเพิ่มอีก 5,665 คน ยอดตายรวม 1,077,094 คน
อเมริกา ติดเพิ่ม 55,541 คน รวม 7,941,954 คน อีกสองวันจะทะลุ 8 ล้านคน
อินเดีย ติดเพิ่ม 74,535 คน รวม 7,051,543 คน ผ่านหลักเจ็ดล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว หากมองจำนวนประชากรรวมของอินเดีย ยังมีจำนวนอีกมากที่มีโอกาสติดเชื้อ ระยะยาวอาจมีการนึกถึงแนวทาง relocation ของประชากรเพื่อจำแนกและกระจายความเสี่ยง
บราซิล ติดเพิ่ม 26,749 คน รวม 5,082,637 คน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 12,846 คน รวม 1,285,084 คน จำนวนติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลักษณะบ่งถึงการควบคุมไม่อยู่ คาดว่าน่าจะเห็นมาตรการเข้มข้นในไม่ช้า
อันดับ 5-10 ตอนนี้ยังคงเป็นโคลอมเบีย สเปน อาร์เจนตินา เปรู เม็กซิโก และฝรั่งเศส ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลักหมื่นต่อวัน
สหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเมียนมาติดกันเพิ่มหลักพันถึงหมื่นกว่า
สำหรับสหราชอาณาจักรนั้น จำนวนต่อวันช่วงนี้เกินหมื่นมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะใช้เวลาอีก 8-10 วัน แซงแอฟริกาใต้ ขึ้นเป็นที่ 11 ของโลก
หลายต่อหลายประเทศในยุโรปก็ยังติดกันหลักร้อยถึงหลักพัน
ญี่ปุ่น และมาเลเซียติดเพิ่มกันหลายร้อย ส่วนจีน เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มกันหลักสิบ ในขณะที่สิงคโปร์ ฮ่องกง เวียดนาม และนิวซีแลนด์ ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
สถานการณ์ในเมียนมารุนแรงขึ้นมาก ติดเพิ่มไปอีกถึง 2,158 คน ตายเพิ่มอีก 32 คน ตอนนี้ยอดรวมถึง 26,064 คน ตายไปมากถึง 598 คน อัตราตายตอนนี้ 2.3% ยอดติดเชื้อสะสมสูงกว่าเกาหลีใต้ไปแล้ว และคาดว่าพรุ่งนี้จะแซงออสเตรเลียด้วย
จากข้อมูลต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่เคสติดเชื้อหลายรายน่าจะมีการติดเชื้อในไทย แล้วตรวจพบทั้งในไทย และที่ต่างประเทศ เช่น เคสดีเจที่แน่นอนว่าติดภายในประเทศ แต่หาต้นตอไม่ได้ รวมถึงเคสอื่นๆ หลายรายที่ไปตรวจพบที่เมียนมาร์ ญี่ปุ่น ฯลฯ
ส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่น่าจะมีการแพร่แบบเงียบๆ หรือที่เราเรียกว่า silent spreading คล้ายคลึงกับในอเมริกาทางตะวันออกเฉียงเหนือตอนนี้ ลักษณะการแพร่เช่นนี้มักเกิดระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะไปทำงาน สังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง หรือระหว่างสมาชิกในครอบครัวหรือระหว่างครอบครัวก็แล้วแต่
ดังนั้น หากจะตัดวงจรการระบาดเช่นนี้ ก็หนีไม่พ้นเรื่องการป้องกันตัวเสมอ ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร พูดน้อยลง พบคนน้อยลงสั้นลง เลี่ยงที่แออัดที่ชุมนุมที่อโคจร คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบายควรหยุดเรียนหยุดงานและรีบไปตรวจรักษา
ตอนนี้มีทั้งศึกในศึกนอก ประตูประเทศเปิด ทั้งเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการแอบลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายของคนต่างด้าว โอกาสระบาดซ้ำมีสูง ขอให้รักตัวเอง รักครอบครัว ป้องกันตัวให้ดี เตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์ เตรียมงาน และเตรียมใจพร้อมสู้
คนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะประกอบกิจการใดๆ ขอให้ป้องกันตัวเสมอนะครับ หากเลือกทำสิ่งเดียวที่จะไม่ลืม ให้ใส่หน้ากากเสมอ
ประชาชนทั่วไป ถัดจากตุลาคม หากจะเที่ยว อาจต้องเลือก และวางแผนให้ดี ทั้งการเลือกที่พัก ที่เที่ยว และที่กิน
ด้วยรักต่อทุกคน
สวัสดีวันอาทิตย์ครับ
สถานการณ์ทั่วโลก 11 ตุลาคม 2563
สัปดาห์นี้น่าเป็นห่วงมาก ทั่วโลกติดเพิ่มกันโหด 1 ล้านคน ภายในเวลา 3 วัน เร็วกว่าช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมักใช้เวลา 3.5-4 วัน
เมื่อวานติดเพิ่มอีก 372,387 คน รวมแล้วตอนนี้ 37,434,089 คน ตายเพิ่มอีก 5,665 คน ยอดตายรวม 1,077,094 คน
อเมริกา ติดเพิ่ม 55,541 คน รวม 7,941,954 คน อีกสองวันจะทะลุ 8 ล้านคน
อินเดีย ติดเพิ่ม 74,535 คน รวม 7,051,543 คน ผ่านหลักเจ็ดล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว หากมองจำนวนประชากรรวมของอินเดีย ยังมีจำนวนอีกมากที่มีโอกาสติดเชื้อ ระยะยาวอาจมีการนึกถึงแนวทาง relocation ของประชากรเพื่อจำแนกและกระจายความเสี่ยง
บราซิล ติดเพิ่ม 26,749 คน รวม 5,082,637 คน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 12,846 คน รวม 1,285,084 คน จำนวนติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลักษณะบ่งถึงการควบคุมไม่อยู่ คาดว่าน่าจะเห็นมาตรการเข้มข้นในไม่ช้า
อันดับ 5-10 ตอนนี้ยังคงเป็นโคลอมเบีย สเปน อาร์เจนตินา เปรู เม็กซิโก และฝรั่งเศส ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลักหมื่นต่อวัน
สหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเมียนมาติดกันเพิ่มหลักพันถึงหมื่นกว่า
สำหรับสหราชอาณาจักรนั้น จำนวนต่อวันช่วงนี้เกินหมื่นมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะใช้เวลาอีก 8-10 วัน แซงแอฟริกาใต้ ขึ้นเป็นที่ 11 ของโลก
หลายต่อหลายประเทศในยุโรปก็ยังติดกันหลักร้อยถึงหลักพัน
ญี่ปุ่น และมาเลเซียติดเพิ่มกันหลายร้อย ส่วนจีน เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มกันหลักสิบ ในขณะที่สิงคโปร์ ฮ่องกง เวียดนาม และนิวซีแลนด์ ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
สถานการณ์ในเมียนมารุนแรงขึ้นมาก ติดเพิ่มไปอีกถึง 2,158 คน ตายเพิ่มอีก 32 คน ตอนนี้ยอดรวมถึง 26,064 คน ตายไปมากถึง 598 คน อัตราตายตอนนี้ 2.3% ยอดติดเชื้อสะสมสูงกว่าเกาหลีใต้ไปแล้ว และคาดว่าพรุ่งนี้จะแซงออสเตรเลียด้วย
จากข้อมูลต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่เคสติดเชื้อหลายรายน่าจะมีการติดเชื้อในไทย แล้วตรวจพบทั้งในไทย และที่ต่างประเทศ เช่น เคสดีเจที่แน่นอนว่าติดภายในประเทศ แต่หาต้นตอไม่ได้ รวมถึงเคสอื่นๆ หลายรายที่ไปตรวจพบที่เมียนมาร์ ญี่ปุ่น ฯลฯ
ส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่น่าจะมีการแพร่แบบเงียบๆ หรือที่เราเรียกว่า silent spreading คล้ายคลึงกับในอเมริกาทางตะวันออกเฉียงเหนือตอนนี้ ลักษณะการแพร่เช่นนี้มักเกิดระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะไปทำงาน สังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง หรือระหว่างสมาชิกในครอบครัวหรือระหว่างครอบครัวก็แล้วแต่
ดังนั้น หากจะตัดวงจรการระบาดเช่นนี้ ก็หนีไม่พ้นเรื่องการป้องกันตัวเสมอ ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร พูดน้อยลง พบคนน้อยลงสั้นลง เลี่ยงที่แออัดที่ชุมนุมที่อโคจร คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบายควรหยุดเรียนหยุดงานและรีบไปตรวจรักษา
ตอนนี้มีทั้งศึกในศึกนอก ประตูประเทศเปิด ทั้งเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการแอบลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายของคนต่างด้าว โอกาสระบาดซ้ำมีสูง ขอให้รักตัวเอง รักครอบครัว ป้องกันตัวให้ดี เตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์ เตรียมงาน และเตรียมใจพร้อมสู้
คนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะประกอบกิจการใดๆ ขอให้ป้องกันตัวเสมอนะครับ หากเลือกทำสิ่งเดียวที่จะไม่ลืม ให้ใส่หน้ากากเสมอ
ประชาชนทั่วไป ถัดจากตุลาคม หากจะเที่ยว อาจต้องเลือก และวางแผนให้ดี ทั้งการเลือกที่พัก ที่เที่ยว และที่กิน
ด้วยรักต่อทุกคน
สวัสดีวันอาทิตย์ครับ