รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุถึงสถานการณ์โควิด-19 ระบุว่า
สถานการณ์ทั่วโลกล่าสุด 28 กันยายน 2563
อินเดียทะลุหกล้าน ทั่วโลกตายเกินล้านแล้ว
เมื่อวานติดเพิ่มไปอีก 238,597 คน รวมแล้วตอนนี้ 33,273,627 คน ยอดตายรวม 1,001,543 คน
อเมริกา ติดเพิ่ม 34,866 คน รวม 7,319,216 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 82,835 คน รวม 6,073,348 คน ตายเพิ่มเกินพัน
บราซิล ติดเพิ่ม 14,318 คน รวม 4,732,309 คน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 7,867 คน รวม 1,151,438 คน เป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องกันถึง 15 วันแล้ว
อันดับ 5-10 แต่ละประเทศยังคงลำดับเดิม โคลอมเบีย เปรู เม็กซิโก สเปน อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ ติดกันหลักพันถึงหมื่นกว่าคนต่อวัน
หลายประเทศในยุโรป ทั้งฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหมื่นกว่าอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คาดว่าฝรั่งเศสจะแซงแอฟริกาใต้ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 10 ภายใน 14 วัน หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น
ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเมียนมา ติดเพิ่มกันหลักร้อยถึงหลายร้อย ส่วนจีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มกันหลักสิบถึงเฉียดร้อย ในขณะที่ฮ่องกง เวียดนาม และนิวซีแลนด์ ก็ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
สถานการณ์ในเมียนมายังรุนแรงต่อเนื่อง ติดเพิ่มไปอีกถึง 743 คน ตายเพิ่มอีก 28 คน ตอนนี้ยอดรวมถึง 10,734 คน ตายไปมากถึง 226 คน อัตราตายตอนนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 2.1% แล้ว พรุ่งนี้จะมียอดรวมแซงมาเลเซีย
หากดูอัตราการเสียชีวิตในประเทศที่มียอดติดเชื้อสะสมมากสุด 10 อันดับแรก พิสัยกว้างตั้งแต่ 1.6-10.5% เลยทีเดียว ที่สูงสุดตอนนี้คือเม็กซิโก
หากดูข้อมูลย้อนหลังสำหรับกลุ่มประเทศที่แง้มประตู มักจะเกิดการติดเชื้อในประเทศภายใน 4-6 สัปดาห์ และส่วนใหญ่จะมีปัญหาการระบาดซ้ำภายใน 2-6 สัปดาห์ หลังจากนั้น
ของเรา แง้มประตูตอนปลายกรกฎาคม และพบเคสติดเชื้อในประเทศ ณ 6 สัปดาห์หลังจากนั้น ในขณะที่มีหลายเคสที่มีข้อมูลสงสัยว่าน่าจะมีการติดเชื้อภายในประเทศ แต่ทุกรายที่ได้ทราบกันก็ยังไม่มีข้อมูลสืบไปถึงต้นตอการติดเชื้อได้
การจะตรวจพบว่ามีการติดเชื้อในประเทศแพร่ต่อกันมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับปัจจัยเดียว คือ จำนวนการตรวจที่ต้องตรวจในวงกว้าง มากกว่าที่จะไปเจาะตรวจเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เพราะรูปแบบการแพร่เชื้อในระลอกสองจะหาต้นตอไม่ค่อยได้ ดังนั้นรัฐจึงควรจัดบริการตรวจคัดกรองที่หลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะเขตเมือง และรณรงค์ให้ประชาชนเข้าถึงบริการตรวจได้ในทุกสิทธิการรักษาพยาบาล ไม่ควรจำกัดเฉพาะการมีประวัติเสี่ยงและมีอาการที่สงสัย เนื่องจากคนติดเชื้อมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีอาการใดๆ หรือมีอาการน้อยๆ คล้ายหวัด แต่สุดท้ายกลุ่มเหล่านี้ก็สามารถแพร่เชื้อได้
สถานการณ์ปัจจุบัน รัฐควรจัดบริการตรวจ COVID-19 ให้เหมือนการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีได้แล้วครับ
สำคัญที่สุดคือ หากหลงไปตัดสินใจรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนเยอะ พร้อมลดเวลากักตัวจาก 14 วัน เหลือ 7 วัน ก็รอรับหายนะระบาดซ้ำได้ ไม่ช้าก็เร็ว
พอถึงเวลานั้นจริงๆ ยากครับที่จะเอาอยู่ ขอเรียนตรงๆ ไว้ล่วงหน้า
ด้วยรักต่อทุกคน
สถานการณ์ทั่วโลกล่าสุด 28 กันยายน 2563
อินเดียทะลุหกล้าน ทั่วโลกตายเกินล้านแล้ว
เมื่อวานติดเพิ่มไปอีก 238,597 คน รวมแล้วตอนนี้ 33,273,627 คน ยอดตายรวม 1,001,543 คน
อเมริกา ติดเพิ่ม 34,866 คน รวม 7,319,216 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 82,835 คน รวม 6,073,348 คน ตายเพิ่มเกินพัน
บราซิล ติดเพิ่ม 14,318 คน รวม 4,732,309 คน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 7,867 คน รวม 1,151,438 คน เป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องกันถึง 15 วันแล้ว
อันดับ 5-10 แต่ละประเทศยังคงลำดับเดิม โคลอมเบีย เปรู เม็กซิโก สเปน อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ ติดกันหลักพันถึงหมื่นกว่าคนต่อวัน
หลายประเทศในยุโรป ทั้งฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหมื่นกว่าอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คาดว่าฝรั่งเศสจะแซงแอฟริกาใต้ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 10 ภายใน 14 วัน หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น
ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเมียนมา ติดเพิ่มกันหลักร้อยถึงหลายร้อย ส่วนจีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มกันหลักสิบถึงเฉียดร้อย ในขณะที่ฮ่องกง เวียดนาม และนิวซีแลนด์ ก็ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
สถานการณ์ในเมียนมายังรุนแรงต่อเนื่อง ติดเพิ่มไปอีกถึง 743 คน ตายเพิ่มอีก 28 คน ตอนนี้ยอดรวมถึง 10,734 คน ตายไปมากถึง 226 คน อัตราตายตอนนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 2.1% แล้ว พรุ่งนี้จะมียอดรวมแซงมาเลเซีย
หากดูอัตราการเสียชีวิตในประเทศที่มียอดติดเชื้อสะสมมากสุด 10 อันดับแรก พิสัยกว้างตั้งแต่ 1.6-10.5% เลยทีเดียว ที่สูงสุดตอนนี้คือเม็กซิโก
หากดูข้อมูลย้อนหลังสำหรับกลุ่มประเทศที่แง้มประตู มักจะเกิดการติดเชื้อในประเทศภายใน 4-6 สัปดาห์ และส่วนใหญ่จะมีปัญหาการระบาดซ้ำภายใน 2-6 สัปดาห์ หลังจากนั้น
ของเรา แง้มประตูตอนปลายกรกฎาคม และพบเคสติดเชื้อในประเทศ ณ 6 สัปดาห์หลังจากนั้น ในขณะที่มีหลายเคสที่มีข้อมูลสงสัยว่าน่าจะมีการติดเชื้อภายในประเทศ แต่ทุกรายที่ได้ทราบกันก็ยังไม่มีข้อมูลสืบไปถึงต้นตอการติดเชื้อได้
การจะตรวจพบว่ามีการติดเชื้อในประเทศแพร่ต่อกันมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับปัจจัยเดียว คือ จำนวนการตรวจที่ต้องตรวจในวงกว้าง มากกว่าที่จะไปเจาะตรวจเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เพราะรูปแบบการแพร่เชื้อในระลอกสองจะหาต้นตอไม่ค่อยได้ ดังนั้นรัฐจึงควรจัดบริการตรวจคัดกรองที่หลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะเขตเมือง และรณรงค์ให้ประชาชนเข้าถึงบริการตรวจได้ในทุกสิทธิการรักษาพยาบาล ไม่ควรจำกัดเฉพาะการมีประวัติเสี่ยงและมีอาการที่สงสัย เนื่องจากคนติดเชื้อมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีอาการใดๆ หรือมีอาการน้อยๆ คล้ายหวัด แต่สุดท้ายกลุ่มเหล่านี้ก็สามารถแพร่เชื้อได้
สถานการณ์ปัจจุบัน รัฐควรจัดบริการตรวจ COVID-19 ให้เหมือนการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีได้แล้วครับ
สำคัญที่สุดคือ หากหลงไปตัดสินใจรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนเยอะ พร้อมลดเวลากักตัวจาก 14 วัน เหลือ 7 วัน ก็รอรับหายนะระบาดซ้ำได้ ไม่ช้าก็เร็ว
พอถึงเวลานั้นจริงๆ ยากครับที่จะเอาอยู่ ขอเรียนตรงๆ ไว้ล่วงหน้า
ด้วยรักต่อทุกคน