รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุด โดยระบุว่า
สถานการณ์ทั่วโลกล่าสุด 5 ตุลาคม 2563
รัสเซียทะลุหมื่นคนต่อวันแล้ว
เมื่อวานติดเพิ่มอีก 222,927 คน รวมแล้วตอนนี้ 35,340,132 คน ยอดตายรวม 1,040,948 คน
อเมริกา ติดเพิ่ม 32,922 คน รวม 7,631,461 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 74,722 คน รวม 6,622,135 คน
บราซิล ติดเพิ่ม 8,456 คน รวม 4,915,289 คน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 10,499 คน รวม 1,215,001 คน เป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องกันถึง 22 วันแล้ว
หากวิเคราะห์จำนวนการเพิ่มในแต่ละวันของรัสเซีย จะพบว่า ปัจจุบันมากกว่าแต่ละสัปดาห์ในรอบเดือนก่อนถึง 1.3, 1.7, 1.9 และ 2 เท่าตามลำดับ แสดงถึงภาวะการระบาดที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าจะคงตัวหรือลดลง
อันดับ 5-10 ตอนนี้เป็นโคลอมเบีย เปรู สเปน อาร์เจนตินา เม็กซิโก และแอฟริกาใต้ ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายพันต่อวัน
ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเมียนมา ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหมื่นกว่า
อีก 6 วัน ฝรั่งเศสจะแซงแอฟริกาใต้ขึ้นเป็นอันดับ 10 ของโลก หากไม่สามารถควบคุมโรคได้
หลายต่อหลายประเทศในยุโรปก็ยังติดกันหลักร้อยถึงหลักพัน
ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ติดเพิ่มกันหลายร้อย ส่วนจีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มกันหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และนิวซีแลนด์ ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
สถานการณ์ในเมียนมารุนแรงขึ้น ติดเพิ่มไปอีกถึง 1,291 คน ตายเพิ่มอีก 41 คน ตอนนี้ยอดรวมถึง 17,794 คน ตายไปมากถึง 412 คน อัตราตายตอนนี้ 2.3%
ดูสถานการณ์ของเมียนมาจะพบว่าเขามี active case เกิน 100 คน ตอนวันที่ 23 สิงหาคม และเพิ่มขึ้นไปเกิน 200 คน ตอนวันที่ 26 สิงหาคม ใช้เวลา 3 วัน
ตัวเลขดังกล่าวมีความหมายยิ่งนัก เพราะเหมือนไทยตอนช่วงระบาดระลอกแรกเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา โดยตอนนั้นไทยใช้เวลาราว 3.5 วัน ทั้งนี้ กลุ่มประเทศต่างๆ ที่ระบาดรุนแรงนั้นมักมีการเพิ่มขึ้นภายในเวลา 3 วัน ในขณะที่ประเทศที่ควบคุมได้มักจะนานกว่า 5 วัน
ณ จุดนั้นจึงเป็นที่มาของการเสนอให้ไทยดำเนินมาตรการเข้มข้นเพื่อหยุดยั้งการระบาดให้ได้ โดยมีเวลาพอจะมีความหวังในการควบคุมได้ คือตัวเลขราว 1,000 คน เพราะหากช้ากว่านั้นแล้วอัตราการเพิ่มจะชันมากจนยากจะเอาอยู่
การตัดสินใจนั้นจึงเป็นเหตุผลทำให้เราควบคุมได้ในระยะเวลาต่อมา
ในขณะที่เมียนมานั้นน่าเป็นห่วง เพราะการระบาดยังเพิ่มต่อเนื่องจนถึงในปัจจุบัน เราจึงเห็นกราฟการระบาดเป็นแบบ exponential เชื่อว่าทุกคนคงเอาใจช่วยให้เขาสามารถควบคุมโรคได้โดยเร็ว
ส่วนของเมืองไทยนั้น หลังจากบรรลุสมดังใจที่ได้เปิดประเทศไปแล้ว จะมีระยะ grace period ไปอีกช่วงสั้นๆ รอให้ทยอยกันเข้ามา ความเสี่ยงในการระบาดซ้ำจะมากขึ้น
ข้อมูลที่มีอยู่นั้น ยังไม่มีที่ใดที่รอดจากการระบาดซ้ำได้หากเปิดอ้าซ่า การอวดศักดาว่าจะเอาอยู่นั้น ไม่ใช่วิสัยของการเดินเกมที่เหมาะสม ประเทศอื่นๆ ที่มีเงินถุงเงินถังและทรัพยากรมากกว่าเราอย่างมาก ก็ล้วนพ่ายแพ้มาแล้วทั้งสิ้น
นโยบายโกยเงินจากการท่องเที่ยวของคนต่างชาตินั้น ได้มาเท่าไหร่ อาจเสียไปมากกว่าที่ได้มา หากเกิดระบาดซ้ำ
ระบาดซ้ำมักเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว กระจายเร็ว หาต้นตอลำบาก คุมได้ยาก ใช้เวลานาน และเกิดผลกระทบวงกว้าง
ณ ตอนนี้จึงขอเป็นกำลังใจให้ประชาชนอย่างเราทุกคน ให้มีสติในการดำรงชีวิต เตรียมตัว เตรียมงาน เตรียมอุปกรณ์ป้องกัน และเตรียมจิตใจให้มีความอดทน อดกลั้น อดออม พอเพียง ยืนบนขาตนเอง ลดการพึ่งพา ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่จะเป็นเข็มทิศให้เราปลอดภัยจากศึกครั้งนี้ไปด้วยกัน
ขอย้ำนะครับ ขอให้เราป้องกันตัวอยู่เสมอ สำคัญที่สุดมี 2 ประการคือ
หนึ่ง ใส่หน้ากากเสมอ
สอง คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล มีเสมหะ ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ หรือท้องเสีย ขอให้หยุดเรียน หยุดงาน และรีบไปตรวจ
ด้วยรักต่อทุกคน
สถานการณ์ทั่วโลกล่าสุด 5 ตุลาคม 2563
รัสเซียทะลุหมื่นคนต่อวันแล้ว
เมื่อวานติดเพิ่มอีก 222,927 คน รวมแล้วตอนนี้ 35,340,132 คน ยอดตายรวม 1,040,948 คน
อเมริกา ติดเพิ่ม 32,922 คน รวม 7,631,461 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 74,722 คน รวม 6,622,135 คน
บราซิล ติดเพิ่ม 8,456 คน รวม 4,915,289 คน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 10,499 คน รวม 1,215,001 คน เป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องกันถึง 22 วันแล้ว
หากวิเคราะห์จำนวนการเพิ่มในแต่ละวันของรัสเซีย จะพบว่า ปัจจุบันมากกว่าแต่ละสัปดาห์ในรอบเดือนก่อนถึง 1.3, 1.7, 1.9 และ 2 เท่าตามลำดับ แสดงถึงภาวะการระบาดที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าจะคงตัวหรือลดลง
อันดับ 5-10 ตอนนี้เป็นโคลอมเบีย เปรู สเปน อาร์เจนตินา เม็กซิโก และแอฟริกาใต้ ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายพันต่อวัน
ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเมียนมา ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหมื่นกว่า
อีก 6 วัน ฝรั่งเศสจะแซงแอฟริกาใต้ขึ้นเป็นอันดับ 10 ของโลก หากไม่สามารถควบคุมโรคได้
หลายต่อหลายประเทศในยุโรปก็ยังติดกันหลักร้อยถึงหลักพัน
ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ติดเพิ่มกันหลายร้อย ส่วนจีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มกันหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และนิวซีแลนด์ ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
สถานการณ์ในเมียนมารุนแรงขึ้น ติดเพิ่มไปอีกถึง 1,291 คน ตายเพิ่มอีก 41 คน ตอนนี้ยอดรวมถึง 17,794 คน ตายไปมากถึง 412 คน อัตราตายตอนนี้ 2.3%
ดูสถานการณ์ของเมียนมาจะพบว่าเขามี active case เกิน 100 คน ตอนวันที่ 23 สิงหาคม และเพิ่มขึ้นไปเกิน 200 คน ตอนวันที่ 26 สิงหาคม ใช้เวลา 3 วัน
ตัวเลขดังกล่าวมีความหมายยิ่งนัก เพราะเหมือนไทยตอนช่วงระบาดระลอกแรกเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา โดยตอนนั้นไทยใช้เวลาราว 3.5 วัน ทั้งนี้ กลุ่มประเทศต่างๆ ที่ระบาดรุนแรงนั้นมักมีการเพิ่มขึ้นภายในเวลา 3 วัน ในขณะที่ประเทศที่ควบคุมได้มักจะนานกว่า 5 วัน
ณ จุดนั้นจึงเป็นที่มาของการเสนอให้ไทยดำเนินมาตรการเข้มข้นเพื่อหยุดยั้งการระบาดให้ได้ โดยมีเวลาพอจะมีความหวังในการควบคุมได้ คือตัวเลขราว 1,000 คน เพราะหากช้ากว่านั้นแล้วอัตราการเพิ่มจะชันมากจนยากจะเอาอยู่
การตัดสินใจนั้นจึงเป็นเหตุผลทำให้เราควบคุมได้ในระยะเวลาต่อมา
ในขณะที่เมียนมานั้นน่าเป็นห่วง เพราะการระบาดยังเพิ่มต่อเนื่องจนถึงในปัจจุบัน เราจึงเห็นกราฟการระบาดเป็นแบบ exponential เชื่อว่าทุกคนคงเอาใจช่วยให้เขาสามารถควบคุมโรคได้โดยเร็ว
ส่วนของเมืองไทยนั้น หลังจากบรรลุสมดังใจที่ได้เปิดประเทศไปแล้ว จะมีระยะ grace period ไปอีกช่วงสั้นๆ รอให้ทยอยกันเข้ามา ความเสี่ยงในการระบาดซ้ำจะมากขึ้น
ข้อมูลที่มีอยู่นั้น ยังไม่มีที่ใดที่รอดจากการระบาดซ้ำได้หากเปิดอ้าซ่า การอวดศักดาว่าจะเอาอยู่นั้น ไม่ใช่วิสัยของการเดินเกมที่เหมาะสม ประเทศอื่นๆ ที่มีเงินถุงเงินถังและทรัพยากรมากกว่าเราอย่างมาก ก็ล้วนพ่ายแพ้มาแล้วทั้งสิ้น
นโยบายโกยเงินจากการท่องเที่ยวของคนต่างชาตินั้น ได้มาเท่าไหร่ อาจเสียไปมากกว่าที่ได้มา หากเกิดระบาดซ้ำ
ระบาดซ้ำมักเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว กระจายเร็ว หาต้นตอลำบาก คุมได้ยาก ใช้เวลานาน และเกิดผลกระทบวงกว้าง
ณ ตอนนี้จึงขอเป็นกำลังใจให้ประชาชนอย่างเราทุกคน ให้มีสติในการดำรงชีวิต เตรียมตัว เตรียมงาน เตรียมอุปกรณ์ป้องกัน และเตรียมจิตใจให้มีความอดทน อดกลั้น อดออม พอเพียง ยืนบนขาตนเอง ลดการพึ่งพา ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่จะเป็นเข็มทิศให้เราปลอดภัยจากศึกครั้งนี้ไปด้วยกัน
ขอย้ำนะครับ ขอให้เราป้องกันตัวอยู่เสมอ สำคัญที่สุดมี 2 ประการคือ
หนึ่ง ใส่หน้ากากเสมอ
สอง คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบาย เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล มีเสมหะ ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ หรือท้องเสีย ขอให้หยุดเรียน หยุดงาน และรีบไปตรวจ
ด้วยรักต่อทุกคน