xs
xsm
sm
md
lg

'หมอธีระ'ห่วง จนท.รัฐ-นักข่าว-ช่างภาพทำข่าวม็อบเสี่ยงโควิด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่าสถานการณ์ทั่วโลกล่าสุด 20 กันยายน 2563

เกินสามแสนต่อวันอย่างต่อเนื่อง วันนี้สายๆ จะทะลุ 31 ล้าน ความเร็ว 1 ล้านคนใน 3 วัน
เมื่อวานติดเพิ่มไปอีกถึง 318,131 คน รวมแล้วตอนนี้ 30,968,342 คน คร่าชีวิตไปแล้วทั้งสิ้น 960,675 คน

อเมริกา ติดเพิ่ม 44,961 คน รวม 6,963,319 คน พรุ่งนี้อเมริกาจะทะลุ 7 ล้านคน

อินเดีย ติดเพิ่ม 92,755 คน รวม 5,398,230 คน

บราซิล ติดเพิ่ม 33,057 คน รวม 4,528,240 คน

รัสเซีย ติดเพิ่ม 6,065 คน รวม 1,097,251 คน จำนวนติดเชื้อต่อวันของรัสเซียกำลังเป็นขาขึ้นชัดเจน

อันดับ 5-10 ยังเป็นเช่นเดิม ติดกันหลายพันถึงหมื่นกว่าต่อวัน

หลายต่อหลายประเทศในยุโรป ทั้งฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ รวมถึงแคนาดา อิหร่าน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหมื่นกว่าเช่นกัน ที่น่าห่วงมากคือ ฝรั่งเศส ติดมากจนทำลายสถิติของเค้า 13,498 คน คาดว่าพรุ่งนี้อาจแซงชิลีขึ้นมาเป็นอันดับ 11

ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเมียนมาร์ ติดเพิ่มกันหลักร้อย ส่วนจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย และฮ่องกงติดเพิ่มกันหลักสิบ ในขณะที่นิวซีแลนด์ก็ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังหนักหน่วง ติดเพิ่มไป 403 คน ตายเพิ่มอีก 11 คน หากพรุ่งนี้ยังหลายร้อยเช่นเดิมจะมียอดรวมแซงฮ่องกง

สำหรับบ้านเรา การชุมนุมที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้มาจนวันนี้ นอกจากผู้ชุมนุมแล้ว กลุ่มที่น่าห่วงคือ ผู้สื่อข่าว และเจ้าหน้าที่รัฐที่มาช่วยดูแล

อยากขอให้ทางผู้สื่อข่าว (รวมถึงช่างกล้องด้วย) และเจ้าหน้าที่รัฐ ใส่หน้ากากเสมอ ล้างมือ และพยายามอยู่ห่างๆ จากคนอื่นๆ รวมถึงการระมัดระวังการแชร์ของกินของใช้ และการใช้สุขาสาธารณะด้วยนะครับ หากจบจากการทำงานแล้ว ขอให้กลับบ้านอาบน้ำอาบท่าก่อนที่จะไปคลุกคลีกับสมาชิกในครอบครัว และคอยสังเกตอาการตนเองด้วย หากภายในสองสัปดาห์มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล มีเสมหะ ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ หรือท้องเสีย ขอให้รีบไปตรวจรักษาและหยุดงาน

ปกติแล้ว หลังจากได้รับเชื้อไวรัสโรค COVID-19 เข้าไปในร่างกายผ่านทางเดินหายใจหรือทางอื่นๆ จะใช้เวลาฟักตัวก่อนเกิดอาการราว 5.2 วัน

โดยประมาณ 20% จะไม่มีอาการ 65% จะมีอาการน้อยคล้ายไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ และที่เหลือจะอาการรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ หอบเหนื่อย

ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่มีอาการก็ตาม คนที่ติดเชื้อนั้นจะสามารถแพร่ให้ผู้อื่นได้ ไม่ว่าจะกับคนในครอบครัว หรือเพื่อนฝูงที่ทำงาน หรือกับคนที่เราไปพบเจอ หากไม่ป้องกัน

การแพร่เชื้อนั้นสามารถแพร่ได้ตั้งแต่ช่วงก่อนที่จะมีอาการถึง 2.3 วัน นี่คือความร้ายกาจของโรคนี้ เพราะแพร่ได้โดยเราไม่รู้ตัว และคนที่เจอกับเราก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน...ดังนั้นการป้องกันโดยใส่หน้ากาก ล้างมือ และอยู่ห่างๆ จึงสำคัญมาก

จากการศึกษาวิจัย พบว่าคนที่ติดเชื้อถึง 44% ที่ติดมาจากคนติดเชื้อที่ไม่มีอาการ

นอกจากนี้คนติดเชื้อจะมีโอกาสนำเชื้อไปแพร่ให้กับคนในครอบครัวได้ราว 18.8% (ตั้งแต่ 15.4%-22.2%)

ยิ่งอายุมากยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อมาก คนวัยทำงานอายุไม่มากก็เสี่ยงเช่นกัน แต่เด็กต่ำกว่าสิบขวบจะเสี่ยงน้อยกว่าผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่ง แอบเหลียวมองไปในกลุ่มผู้ชุมนุม คนสูงอายุหรือคนที่อายุเกิน 45 ปีขึ้นไปก็มีจำนวนมากทีเดียว น่าเป็นห่วง ขอให้ป้องกันตัวให้ดี

โรคนี้ติดง่าย แพร่เร็ว ทำให้ตายได้ และยังไม่มียารักษามาตรฐาน ไม่มีวัคซีนป้องกัน

ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ

ด้วยรักต่อทุกคน