นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ตำบลสำโรง อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ว่า มีการปล่อยปละละเลยให้ผู้ประกอบการโรงงานสูบน้ำเกลือใต้ดินและหรือทำเกลือสินเธาว์ ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือมาตรการที่ทางราชการกำหนด ก่อให้เกิดความเดือดร้อนและเสียหายต่อชาวบ้านและสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ทั้งๆ ที่รัฐได้กำหนดให้กิจการประเภทนี้เป็นโรงงานอุตสาหกรรมจำพวกที่ 3 ลำดับที่ 103 (1) (2) ที่จะต้องมีการขออนุญาตจากรัฐก่อนประกอบการ โดยอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ และผู้ว่าราชการจังหวัด (รับมอบอำนาจ) เป็นผู้พิจารณาออกใบอนุญาตและควบคุมการประกอบการตาม พ.ร.บ.โรงงาน 2535
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการดังกล่าว พบว่ามีโรงงาน 2 ใน 4 โรง ซึ่งหนีมาจากอำเภอพระทองคำ ที่ถูกศาลปกครองสูงสุดพิพากษาสั่งปิดไปเมื่อปี 2559 ในคดีที่ อ.1188/2559 มาซื้อกิจการที่ ต.สำโรง แล้วเร่งรีบดำเนินการผลิตเพื่อถอนทุน แต่มิวายถูกชาวบ้านฟ้องคดีในศาลอีก จึงไม่สนใจที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการ 26 ข้อที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด อาทิ ใช้กำลังการผลิตเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด บ่อสูบน้ำเกลือใต้ดินอยู่ใกล้สาธารณสมบัติทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2068 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 182 ไร่ (อ่างจ่าสาม) บ่อน้ำบาดาลเพื่อใช้อุปโภคบริโภค และเขตชุมชนในระยะน้อยกว่า 300 เมตร ไม่มีมาตรการป้องกันการแพร่กระจายความเค็มลงสู่แหล่งน้ำและพื้นที่การเกษตร เพื่อลดผลกระทบการทำลายแหล่งน้ำ โดยพบว่าการตากหรือต้มเกลือหรือการทำเกลือให้แห้ง ไม่ได้ดำเนินการบนลานปูนซีเมนต์ที่รองรับด้วยพลาสติก หรือวัสดุอื่นที่มีคุณสมบัติป้องกันการรั่วซึมของน้ำได้ และไม่มีคันทำนบดินโดยรอบพื้นที่ประกอบกิจการให้มีความสูงไม่น้อยกว่า 100 เซนติเมตร ความกว้างของสันคันทำนบดินไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร แต่อย่างใด ไม่มีการสร้างคูรับน้ำซึ่งปูรองด้วยพลาสติก หรือวัสดุอื่นที่มีคุณสมบัติป้องกันการรั่วซึมและแพร่กระจายของน้ำเสีย และยังมีการยึดถือครอบครองทางสาธารณะเป็นของตนอีกด้วย
นอกจากนั้น ลานตากเกลือไม่มีบ่อกักเก็บน้ำเสียที่มีพื้นที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของพื้นที่ลานตากโดยยกคันดินโดยรอบสูงไม่น้อยกว่า 100 เซนติเมตร พื้นที่และผนังบ่อไม่มีการปูรองด้วยพลาสติกป้องกันการรั่วซึมของน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเสียซึมแพร่กระจายออกไปนอกบ่อกักเก็บแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ในช่วงที่มีฝนตกหนักจะเกิดการชะล้างตะกรันและเศษเกลือไหลปนเปื้อนไปยังอ่างจ่าสาม ซึ่งเป็นอ่างน้ำสาธารณะประโยชน์ของชุมชนและอยู่ใกล้โรงเรียนโนนไทยคุรุอุปถัมภ์ 2 ซึ่งไม่สามารถนำน้ำในอ่างมาใช้เพื่อการอุปโภค-บริโภคได้ เพราะมีการปนเปื้อนเกลือและมีความเค็มมากนั่นเอง
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อดำเนินการเอาผิดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่ไม่ใช้อำนาจในการดำเนินการเอาผิดและดำเนินคดีกับผู้ประกอบการดังกล่าว ฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป