นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ร่วมแถลงข่าวการส่งสำนวนฟ้องผู้ต้องหาคดีหลอกลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex-3D) ว่า พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนคดีแชร์ Forex-3D โดยมีเอกสาร 19,644 แผ่น 434 แฟ้ม จำนวน 7 ลัง ให้อัยการคดีพิเศษเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมแจ้ง 3 ข้อกล่าวหานายอภิรักษ์ โกฎธิ กับพวกรวม 4 ราย ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 3 มาตรา 14 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
ส่วนนายอภิรักษ์ที่ยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศนั้น พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหมายจับ พร้อมตั้งทีมไล่ล่าและประสานประเทศเพื่อนบ้านติดตามผู้ต้องหา ซึ่งเมื่อ 2 วันก่อนมีข้อมูลว่านายอภิรักษ์หลบหนีเข้ามาโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เจอตัว
รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า คดีนี้มีผู้เสียหายทั้งหมด 14,000 ราย แต่เข้าแจ้งความกับดีเอสไอจำนวน 8,436 คน มูลค่าความเสียหายรวมจำนวน 1,908,113,421 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษใช้เวลาเพียง 7 เดือน ทำการสอบสวนปากคำผู้เสียหายจนสามารถสรุปสำนวนส่งอัยการได้ ส่วนผู้เสียหายที่เหลือจะนำข้อมูลการสอบปากคำมารวมกับสำนวนคดีฟอกเงิน
ขณะที่นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร กล่วาว่า สำหรับกรณีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายอภิรักษ์ และรับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการแยกสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษเป็นอีกคดีหนึ่ง ซึ่งถือเป็นคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.คดีพิเศษฯ โดยต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกับคดีพิเศษที่ 153/2562 โดยแจ้งข้อหาผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดและกลุ่มศิลปินดารานักร้องในความผิดตาม พ.ร.บ.การฟอกเงิน มีบุคคลถูกแจ้งข้อหาฟอกเงินไม่ต่ำกว่า 20 ราย ในจำนวนนี้มีกลุ่มดารานักแสดง 7 ราย เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใครบ้าง อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอพร้อมให้ความเป็นธรรมและให้โอกาสนำหลักฐานเข้าชี้แจง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเรียกมาสอบปากคำ ซึ่งมีบางกลุ่มเข้าให้ปากคำแล้ว คาดว่าจะเร่งสอบให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
สำหรับวงเงินความเสียหายในคดีฟอกเงินยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีการทำธุรกรรมทุกธนาคาร ไม่ใช่เฉพาะธนาคารสีเขียวเพียงแห่งเดียว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างรอข้อมูลธุรกรรมทางการเงินที่ธนาคารต่างๆ ที่จะต้องส่งมาให้อีก