MGR Online - “ดีเอสไอ” ส่งสำนวน 1.9 แสนแผ่น สั่งฟ้อง 4 ผู้ต้องหาคดีคดีแชร์ลูกโซ่ FOREX-3D ฐานฉ้อโกงประชาชน เร่งตามตัว “อภิรักษ์ โกฎธิ” ซีอีโอบริษัทมาลงโทษ พร้อมขยายผลคดีฟอกเงินพบเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกลุ่มเครือญาติ และศิลปินดารา กว่า 20 ราย
วันนี้ (12 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีดีเอสไอ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วยนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ดีเอสไอ ร่วมแถลงผลการส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 153/2562 กรณี หลอกลวงให้ลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex-3D) ให้สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ
นายไตรยฤทธิ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากประชาชนมาร้องเรียนที่ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กระทรวงยุติธรรม หลังถูกฉ้อโกงในคดีแชร์ลูกโซ่ FOREX-3D โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) ได้กำชับให้ ดีเอสไอดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และทำการยึดอายัดทรัพย์ให้มากที่สุด เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนให้ได้รับความเป็นธรรมโดยเร็ว จึงทำการสืบสวนสอบสวนและรับเป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 62 ซึ่งทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ใช้ระบบการสอบสวนแบบออนไลน์และบูรณาการกับหน่วยงานของดีเอสไอทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
นายไตรยฤทธิ์กล่าวอีกว่า เบื้องต้นมีผู้เสียหายลงทะเบียนไว้กว่า 1.4 หมื่นคน แต่มาให้ปากคำการสอบสวน 8,436 คน พบมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 1,908,113,421.92 บาท และใช้เวลา 7 เดือนเศษ ในการสั่งฟ้องผู้ต้องหา 4 ราย เป็นตัวบุคคล 2 ราย และนิติบุคคล 2 ราย มีสำนวนการสอบสวน 196,444 แผ่น เป็นแฟ้ม 434 แฟ้ม บรรจุ 74 ลัง ส่งไปยังสำนักงานอัยการคดีพิเศษ รัชดา เพื่อประกอบการสั่งฟ้อง ใน 3 ความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 12 มาตรา 15, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และ ร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 มาตรา 14 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พร้อมติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 1 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการการฝัง นอกจากนี้ ได้ยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ทั้ง บ้าน คอนโดมิเนียม รถยนต์ ที่ดิน รวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ในส่วนของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ได้ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินในคดีฉ้อโกงไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท อยู่ระหว่างดำเนินการในคดีแพ่ง เพื่อดำเนินการคืนทรัพย์สินบางส่วนให้กับผู้เสียหาย โดยจะประสานข้อมูลร่วมกับดีเอสไอ
ด้านนายปิยะศิริ เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวนายอภิรักษ์ โกฎธิ กับพวกได้ใช้เว็บไซต์ www.forex-3D.com เป็นช่องทางในการหลอกลวงชักชวนประชาชนทั่วไปให้นำเงินไปลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) โดยเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60-80 ของเงินผลกำไรที่ได้จากการเทรดและประกันเงินต้นที่ร่วมลงทุนร้อยละ 100 อีกทั้งยังมีการแนะนำสมาชิกให้ชักชวนบุคคลอื่นมาร่วมลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 1-5 ทำให้มีผู้หลงเชื่อและร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยนายอภิรักษ์วางแผนหลอกลวงอย่างเป็นขั้นตอน เป็นผู้สั่งการใช้บุคคลอื่นทำธุรกรรมต่างๆ แทน
นายปิยะศิริเผยอีกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่เคยอนุญาตให้บุคคลทั่วไปหรือนิติบุคคลใดทำธุรกรรมการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ หรืออนุญาตให้ประกอบธุรกิจในการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ รวมถึง อัตราผลตอบแทนในการลงทุนเป็นอัตราที่สูงเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ และเป็นการนำเงินจากการลงทุนที่ผู้ลงทุนโอนเข้ามาจัดสรรแบ่งกลับคืนไปยังผู้ลงทุนโดยอ้างว่าเป็นผลตอบแทนจากการเทรดค่าเงิน มีการสร้างเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้หลงเชื่อด้วยการสร้างข้อมูลการเทรดค่าเงินปลอมในเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงผู้ลงทุนให้หลงเชื่อและร่วมลงทุนจนเกิดความเสียหาย นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหมายจับนายอภิรักษ์ซึ่งหลบหนีไปต่างประเทศและมีรายงานข่าวว่าเดินทางเข้ามายังประเทศไทย แต่เมื่อตรวจสอบก็ยังไม่พบข้อมูล
“สำหรับกรณีนายอภิรักษ์ และพวก รับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการแยกสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษเป็นอีกคดีหนึ่งเป็นคดีพิเศษที่ 36/2563 โดยต่อเนื่องกับคดีพิเศษที่ 153/2562 เพราะตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 20 ราย เป็นทั้งเครือญาติและกลุ่มศิลปินดาราที่มีชื่อเสียง ประมาณ 7 คน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษก็จะเรียกเข้ามาชี้แจง อย่างไรก็ตาม ความเสียหายจากคดีแชร์ลูกโซ่มีมูลค่ามหาศาลซึ่งทาง รมว.ยธ.มีนโยบายตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามคดีแชร์ลูกโซ่ ร่วมบูรณาการกับหลายหน่วยงานเพื่อป้องกันความเสียหายของประชาชน คาดว่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้” นายปิยะศิริกล่าว
