MGR Online - ตัวแทนผู้เสียหายลงทุนซื้อขายทองคำแท่ง บ.ออสสิริส สัตหีบฯ สูญ 1,000 ล้านบาท เร่งรัด ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เชื่อมั่นศักยภาพติดตามทรัพย์สินมาคืนได้
วันนี้ (5 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ น.ส.กัญชสม สง่าสงค์ พร้อมตัวแทนผู้เสียหาย 5 ราย เดินทางเข้าพบ พ.ท.กิตติ ภักดีรักษ์พงศ์ ผอ.ส่วน 2 กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ดีเอสไอ เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีการหลอกร่วมลงทุนซื้อขายทองคำแท่ง หรือซื้อออมทองคำแท่งแบบฝากทองไว้กับบริษัท ออสสิริส สัตหีบ โกลด์ แอนด์ ฟิวเจอร์ จำกัด สาขาสัตหีบ สาขาพัทยา และสาขาระยอง และเร่งรัดให้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ
น.ส.กัญชสมกล่าวว่า เมื่อเดือน ก.พ. 2563 กลุ่มผู้เสียหายในพื้นที่ สภ.สัตหีบ สภ.พัทยา และ สภ.ระยอง เคยรวมตัวเข้าร้องทุกข์ดีเอสไอ หลังลงทุนเกิดความเสียหายร่วม 1,000 ล้านบาท ผ่านมา 4 เดือนแล้วจึงอยากเร่งรัดให้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 เพราะเข้าตามเงื่อนไขมีผู้เสียหาย 300 คนขึ้นไป หรือมีความเสียหายตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป โดยการหลอกลงทุนซื้อออมทองคำนั้นเป็นการฉ้อโกงระดับประเทศ อีกทั้งคดีนี้ไม่เกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ แต่เป็นความน่าเชื่อถือของบริษัทจึงตัดสินใจร่วมลงทุน
น.ส.กัญชสมกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ดำเนินการจับกุมมิจฉาชีพไปบ้างแล้ว แต่กลุ่มผู้เสียหายมาร้องทุกข์ดีเอสไอเพื่อช่วยติดตามเงินลงทุนกลับคืนมาเพราะมีศักยภาพในการตรวจสอบทรัพย์สินและเส้นทางการเงินของคนร้าย นอกจากนี้ ในวันที่ 15 มิ.ย. 63 สภ.ระยอง จะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องศาล หากปล่อยเรื่องตามกระบวนการกฎหมายเกรงว่าจะเอาผิดแค่เพียงมิจฉาชีพแต่ไม่สามารถติดตามเงินคืนได้จึงอยากให้รับเป็นคดีพิเศษ
ด้าน พ.ท.กิตติกล่าวว่า ดีเอสไอตรวจสอบรายละเอียดตามขั้นตอนก่อนจะรับเป็นคดีพิเศษตามเงื่อนไข โดยการหลอกลงทุนซื้อขายทองคำเป็นรูปแบบการโกงชนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นการกู้ยืมเงิน ขณะนี้ยังไม่สามารถรับคดีนี้ได้ทันที และได้ตั้งชุดสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบพฤติการณ์ต่างๆ ความเคลื่อนไหวในธุรกรรมทางการเงิน ตามระเบียบจะมีระยะเวลาภายใน 6 เดือน ในการสรุปว่าเข้าข่ายรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ทั้งนี้ ทราบว่าคดีที่มีการฟ้องร้องไว้กับตำรวจใน 3 พื้นที่ มีการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว และบางพื้นที่มีการส่งสำนวนคดีให้อัยการพิจารณาแล้ว อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะเร่งติดตามเรื่องนี้เพื่อสรุปว่าจะสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่
สำหรับคดีนี้ บริษัท ออสสิริส สัตหีบฯ ดำเนินธุรกรรมซื้อทองคำแท่งแบบออมทองคำสะสม ผู้ซื้อจะได้รับเพียงใบเสร็จการซื้อ ไม่ได้รับทองคำจริง โดยทางบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการขายทองคำในรูปแบบดังกล่าวไปลงทุน และมักออกโปรโมชันมาเพื่อจูงใจให้ประชาชนร่วมลงทุน กระทั่งเริ่มพบความผิดปกติไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้ได้ และปิดทำการตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. 62 ที่ผ่านมาโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ และไม่สามารถติตต่อผู้บริหารของบริษัทได้ ขณะที่ต่อมามีการตรวจสอบพบว่าบริษัท ออสสิริส สัตหีบฯ เป็นตัวแทนซื้อขายทองคำให้กับกลุ่มบริษัท ออสสิริส และถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี 2556