MGR Online - ตร.แถลงจับกุม “พันธ์ยศ” ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ กักตุนหน้ากากอนามัย จ่อดำเนินคดีแอดมินเพจดัง “แหม่มโพธิ์ดำ” นำโพสต์ของ “เสี่ยบอย ศรสุวีร์” มาโพสต์ซ้ำ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
วันนี้( 9 เม.ย.)เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.การข่าวกรองยาเสพติด บช.ปส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายกักตุนหน้ากากอนามัยในราคาเกินกว่ากฎหมายกำหนด หลังมีการจับกุม นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.ปิยะ เปิดเผยว่า การกักตุนหน้ากากอนามัยและจำหน่ายในราคาเกินกว่ากฎหมายกำหนด เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใย ได้ติดตามสอบถามความคืบหน้าเป็นระยะ เกี่ยวกับดำเนินการต่างๆ ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่ซ้ำเติมความทุกข์ร้องของพี่น้องประชาชน การทำงานของ ศปอส.ตร.เป็นการทำงานแบบบูรณาการ ผลการดำเนินคดีในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.จนถึงวันที่ 8 เม.ย.สามารถจับกุมผู้กระทำความผิด 328 ราย ยึดของกลางหน้ากากอนามัย 2,587,578 ชิ้น เครื่องวัดอุณหภูมิ 2,764 เครื่อง เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ 80,500.6 ลิตร ชุดเครื่องตรวจ 55,048 ชิ้น รวมมูลค่าทั้งหมด 71,959,665 บาท
ขณะที่ พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนทำให้ทราบว่า คดีดังกล่าวมีความเกี่ยวโยงกันของกลุ่มผู้ต้องหาที่มีลักษณะเป็นขบวนการ จีงได้มีกการแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีตนเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีการปฏิบัติหน้าที่บูรณาการ ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีคดีที่สำคัญประกอบด้วย คดีแรกของนายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ บอย โพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จว่า มีหน้ากากอนามัยจำนวนมาก คดีที่ 2 เกิดจากการนำข้อมูลของนายศรสุวีร์ โดยผู้ใช้นามว่า แหม่มโพธิ์ดำ นำมาโพสต์อีกรอบ คดีที่ 3 กรณีที่อธิบดีกรมการค้าภายใน มอบหมายให้ผู้แทนมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับโฆษกกรมศุลกากร ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา คดีที่ 4 กรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายอานนท์วัฒน์ วรเมธชยางกูร กรณีไปล่อซื้อหน้ากากอนามัยแล้วไม่ได้หน้ากากสินค้าตามที่ตกลงกัน ซึ่งความคืบหน้าของแต่ละคดี
พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวต่อว่า ในส่วนคดีของ นายศรสุวีร์ ตรวจสอบพบว่า เป็นการกระทำเพื่อหวังให้ลูกค้าสั่งซื้อหน้ากากอนามัย โดยนำผู้มีชื่อเสียงมาประกอบการโพสต์ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนใกล้จะสรุปสำนวนแล้ว แต่อีกส่วนกรณีการโพสต์ของนายศรสุวีร์ กรณีการซื้อขายหน้ากากอนามัย ตรวจสอบพบว่ามีมูลการซื้อขายกันจริงๆ สืบสวนสอบสวนขยายผล พบว่า มีความเกี่ยวโยงกับ นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ จึงได้สั่งการให้ บก.ป.สืบสวนสอบสวนดำเนินคดีอีกส่วนหนึ่ง กรณีแหม่มโพธิ์ดำ พบมีพยานหลักฐานค่อนข้างจะชัดเจนว่า มีการโพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จ เนื่องจากนำข้อมูลของนายศรสุวีร์ มาโพสต์ต่ออีกรอบ โดยที่ข้อมูลเหล่านั้นเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ จึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ด้วยเช่นกัน
“ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนว่า แหม่มโพธิ์ดำ เป็นใคร ส่วนคดีของอธิบดีกรมการค้าภายใน ได้มอบผู้แทนมาถอนคำร้องทุกข์ เนื่องจากเป็นฐานความผิดส่วนตัว ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งอัยการเป็นที่เรียบร้อย สำหรับคดีการร้องทุกข์ นายอานนท์วัฒน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนและล่อซื้อหน้ากากอนามัย จาก นายอานนท์วัฒน์ จนสามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดี จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า ได้ร่วมกันขายหน้ากากอนามัยให้กับนายพันธ์ยศ โดยได้รับส่วนแบ่งชิ้นละ 10 สตางค์ จนต่อมาคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนไปขออนุมัติจับกุมนายพันธ์ยศ มาดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของกลางทั้งหมดมีการขยายผลจนไปถึงบริษัทผู้ผลิต” รอง ผบช.ก.ระบุ
พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนขณะนี้ยังไม่พบผู้กระทำความผิดที่มากกว่านี้ แต่ในอนาคตข้างหน้าจะมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ยังไม่แน่ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่จากการสอบสวน นายพันธ์ยศ ยังให้การปฏิเสธ ยืนยันว่า นายพันธ์ยศ นายศรสุวีร์ และ นายอานนท์วัฒน์ เป็นกลุ่มขบวนการที่เชื่อมโยงกัน เบื้องต้นได้มีการปล่อยตัว นายพันธ์ยศ เป็นการชั่วคราว โดยตั้งวงเงินประกัน 1.4 แสนบาท เนื่องจากไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนี แต่ในส่วนของคดียังมีการดำเนินการต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ นายพันธ์ยศ ยังมีความเชื่อมโยงอีกหลายกรณี เบื้องต้นมีการแจ้งข้อกล่าวหา จงใจให้ราคาต่ำเกินสมควร หรือสูงเกินสมควร หรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาสินค้า อันมีความผิดมาตรา 29 และมีโทษตามมาตรา 41 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ ต้นทุน ค่าใช้จ่าย แผนการผลิต กระบวนการผลิต และวิธีการจำหน่ายสินค้า หรือบริการควบคุมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ อันมีความผิดตามมาตรา 25 และมีโทษตามมาตรา 38 ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้าน พล.ต.ต.สันติ กล่าวว่า สำหรับ นายศรสุวีร์ ที่มีการโพสต์เรื่องราวต่างๆ เป็นการกระทำเพื่อสร้างมูลค่าให้กับตนเอง ให้เหมือนเป็นแม่เหล็กที่จะดึงดูดให้กับผู้ที่สนใจ โดยทำตัวเหมือนเป็นตัวกลางในการรวบรวมหน้ากากอนามัย เพื่อนำไปจำหน่ายต่อให้กับ นายพันธ์ยศ จากการสืบสวนสอบสวน จึงได้รวบรวมรายละเอียดพยานหลักฐานในทุกมิติ มีการตามรอยจากสื่อโซเชียลมีเดีย ติดตามร่องรอยหลักฐานทางการเงิน และการติดต่อสื่อสารทุกอย่าง ส่วน นายพันธ์ยศ มีการสืบสวนจนทราบว่ามีการสั่งซื้อและขายหน้ากากอนามัยหลายครั้ง จนทำให้ทราบว่า มีผู้ร่วมขบวนการอีก 7-8 คน ทุกคนทำตัวเป็นนายหน้าในลักษณะซื้อมา ขายไป เป็นการเก็งกำไร จากหน้ากากอนามัย จึงเป็นที่มาของการรวบรวมพยานหลักฐานได้ทั้งหมด จนขออนุมัติออกหมายจับผู้กระทำความผิดได้ ส่วนบุคคลอื่นๆ มีการล่อซื้อจับกุม จนทำให้เห็นภาพของขบวนการนี้ได้ชัดเจน จนสามารถตอบคำถามได้ในระดับหนึ่ง ว่า มีความพยายามที่จะเอารัดเอาปรียบสังคม จากการรวบรวมพยานหลักฐานจะมีการดำเนินการกับรายอื่นต่อไป
พล.ต.ต.สันติ กล่าวต่อว่า หน้ากากอนามัยที่กลุ่มผู้ต้องหานำมาขาย ในช่วงหลังๆ เป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศเสียเป็นส่วนมาก แต่ นายพันธ์ยศ ได้ใช้โอกาสนี้สร้างแบรนด์ของตนเองขึ้นมา เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของตนเองมีราคา จนเป็นที่มีของการลิขสิทธิ์แบรนด์ จนเป็นที่มาของการพบกระบวนการทำความผผิดของขบวนการนี้ในองค์รวม จากนี้จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานในทุกกรรม ทุกวาระ ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้