ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โพสต์เฟซบุ๊ก “ มานะ นิมิตรมงคล”ระบุว่า เงินกระตุ้นเศรษฐกิจกับคอร์รัปชัน ไล่เรียงข้อมูลการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ตลอด 6 ปีผ่านมา เกิดสะดุดตากับสองเรื่องที่น่าหาข้อมูลเพิ่มเติม
เรื่องแรก
ตั้งแต่สิงหาคม 2557 ถึงมกราคม 2559 (เพียง 1 ปีกับอีก 5 เดือน) รัฐบาลได้อนุมัติ “มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ” หลายโครงการรวมกันเป็นมูลค่ามากถึง 1,074,315 ล้านบาท [1]
ข้อมูลนี้ทำให้เชื่อว่าตลอด 6 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วมากกว่า 1.9 ล้านล้านบาทที่กำลังจะใช้ในสถานการณ์โควิดหลายเท่าตัว แต่เท่าไหร่ไม่แน่ชัดเพราะไม่พบว่ามีหน่วยงานไหนรวบรวมข้อมูลไว้
เรื่องที่สอง
มีการเปิดให้ประชาชนทั่วไป “ลงทะเบียน” เพื่อรับเงินจากรัฐตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วอย่างน้อย 6 ครั้งใหญ่ ได้แก่ โครงการเราไม่ทิ้งกัน โครงการเยียวยาเกษตรกร โครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ชิมช้อปใช้ ช้อปช่วยชาติ โครงการบ้านดีมีดาวน์
นอกจากนี้ยังมีการเปิดลงทะเบียนแจกฟรีโดยหน่วยงานรัฐ เช่น “โทรฟรี 100 นาที” และ “เน็ตฟรี 10 กิ๊ก” ของ กสทช. “100 เดียวเที่ยวทั่วไทย” ของการท่องเที่ยวฯ
บางโครงการเปิดให้ลงทะเบียนและแจกเงินหลายเฟส แต่ที่งุนงงก็คือทุกครั้งที่เปิดลงทะเบียนจะเกิดความสับสน จนต้องร้องเรียนว่าข้อมูลของรัฐไม่ตรงกับความจริงของประชาชน
ปัญหาเหล่านี้อาจเกิดจากประชาชนเองแต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะระบบสารสนเทศของรัฐด้อยประสิทธิภาพ ฐานข้อมูลล้าสมัยและไม่เชื่อมโยงกันหรือมีบางอย่างซ่อนเร้นไว้
ประเด็นสำคัญที่อยากรู้ตามมาก็คือ กระทรวงการคลังเคยทำรายงานสรุปไว้หรือไม่ ว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมา มีการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจและเปิดลงทะเบียนประชาชนเช่นนี้กี่ครั้ง กี่โครงการ เป็นเงินเท่าไหร่ แต่ละครั้งเกิดประโยชน์หรือผลสำเร็จที่มีคุณค่าเพียงใด
เอาตั้งแต่มิยาซาว่า (3.5 หมื่นล้านบาท) เอื้ออาทร (ไม่ทราบวงเงิน) ไทยเข้มแข็ง (4 แสนล้านบาท) จนถึงปัจจุบัน ถ้าจัดทำแล้วก็ควรเปิดเผยให้สังคมรับรู้เพื่อเป็นบทเรียนทางเศรษฐกิจของชาติร่วมกันต่อไป
จากการศึกษายังพบอีกว่า การที่นักการเมืองเจ้าของโครงการในแต่ละยุค มีความจริงใจที่จะป้องกันคอร์รัปชันมากน้อยต่างกัน จะส่งผลต่อความสำเร็จหรือความสูญเสียของโครงการที่แตกต่างกันอย่างมากด้วย