“ประมนต์” เห็นด้วยเร่งเดินหน้า พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้าน ฝ่าวิกฤตโควิด-19 แต่หวั่นทุจริต-รั่วไหล แนะรัฐทำเว็บไซต์เฉพาะกิจเปิดข้อมูลให้สังคมตรวจสอบได้ พร้อมตั้ง คกก.ตรวจสอบอิสระ ดึงภาคประชาชน-นักวิชาการร่วม
วันนี้ (18 พ.ค.) นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานมูลนิธิองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวเห็นด้วยต่อการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ซึ่งการใช้เงินตาม พ.ร.ก.นี้จำเป็นต้องรวดเร็วทันการณ์จึงจะเกิดประโยชน์คุ้มค่า อาจต้องยกเว้นกฎระเบียบสำคัญบางประการ แต่หากทำโดยไม่รัดกุม ไม่เปิดเผยอย่างโปร่งใสจนตรวจสอบไม่ได้ทั่วถึงก็อาจเป็นช่องว่างที่ทำให้การทุจริตเกิดขึ้นง่ายและรุนแรง
นายประมนต์กล่าวด้วยว่า กังวลการใช้เงิน 4 แสนล้านจากเงินกู้ 1 ล้านล้าน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เพราะอาจมีการนำไปใช้ทำโครงการที่ไม่เกิดประโยชน์คุ้มค่า หรือเกิดการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย คอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างได้ จึงอยากให้ยึดโมเดลแบบ โครงการเงินกู้ยืมจากรัฐบาลญี่ปุ่น มิยาซาวาแพลน ปี 2542 หรือ พ.ร.ก.เงินกู้โครงการไทยเข้มแข็ง ปี 2552 ที่มีหลักเกณฑ์การใช้เงินชัดเจน และยังสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจัดทำเว็บไซต์เฉพาะกิจให้สาธารณชนสามารถเข้าไปศึกษาติดตามได้อย่างอิสระ และให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการฯ คณะกรรมกำกับดูแลการจัดการและเบิกจ่ายเงินที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย รวมทั้งแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน เป็นคณะกรรมการกลั่นกรองและอนุมัติการใช้จ่ายเงินกู้ มีผู้แทนจากภาคประชาชนและนักวิชาการที่สังคมยอมรับ โดยกำหนดให้ทุกพื้นที่ ทุกโครงการ ดำเนินการภายใต้กติกาเดียวกันอย่างเคร่งครัด
“มีระบบตรวจสอบและถ่วงดุลที่แข็งแกร่ง ด้วยการดำเนินงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้วยการจัดทำ “เว็บไซต์เฉพาะกิจ” รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตาม พ.ร.ก.กู้เงินฯ นี้ เปิดให้ประชาชนและสื่อมวลชนที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลได้อย่างอิสระ สามารถใช้งานเพื่อการสืบค้นข้อมูลได้ง่าย”
นอกจากนี้ยังควรมีคณะกรรมการตรวจสอบอิสระที่ชำนาญและน่าเชื่อถือตรวจสอบการดำเนินงาน ภายใต้การสนับสนุนของ สตง. หากผู้ใดทุจริตจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง และรวดเร็วทุกกรณี โดยให้นำมติ ครม.เมื่อ 27 มีนาคม 2561 เรื่อง “มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ” มาบังคับใช้อย่างเข้มงวด และให้มีการรายงานข้อมูลโครงการ แผนการดำเนินงาน งบประมาณการจัดซื้อจัดจ้าง หน่วยงานรับเรื่องร้องเรียน ให้ปรับปรุงข้อมูลให้ทันการณ์โดยเปิดเผยบนเว็บไซต์เฉพาะกิจ
“ขอให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเปิดเผย โปร่งใส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมและตรวจสอบได้ มีมาตรการถ่วงดุลและระบบตรวจสอบที่น่าเชื่อถือ และเป็นอิสระ ลงโทษการคอร์รัปชันอย่างรวดเร็ว ไม่เลือกปฏิบัติ นอกจากจะได้รับความเชื่อถือจากประชาชนแล้วยังเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะถูกยกระดับการประเมิน CPI เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่ถูกทุกฝ่ายและนานาชาติเฝ้าจับตามอง” นายประมนต์กล่าวปิดท้าย