xs
xsm
sm
md
lg

“พี่ศรี”เผย ป.ป.ช.ยกข้อกล่าวหาอดีต ปธ.อบต.คลองด่าน-พวกไม่ผิด โยง“วัฒนา”พ้นผิดไปด้วย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้หนังสือสำคัญจากอดีตประธานกรรมการบริหารและอดีต 2 สมาชิกสภา อบต.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ โดยทั้ง 3 คนยืนยันตรงกันว่า พวกตนพ้นข้อกล่าวหาจาก ป.ป.ช.ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีมีผู้กล่าวหาว่า ร่วมกันจัดทำหลักฐานการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน เพื่อให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างอาคารโครงการจัดการน้ำเสียอันเป็นเท็จ เพื่อนำหลักฐานการพิจารณาอนุญาตดังกล่าวไปใช้ประกอบการเบิกเงินค่าที่ดินให้กับ นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.กระทรวงมหาดไทยนั้น

หนังสือดังกล่าวระบุไว้ชัดเจนว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่าบุคคลทั้ง 3 คนได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหาจึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป ตามหนังสือ ป.ป.ช.ลงวันที่ 30 ก.ย.62 ที่ผ่านมา ซึ่งต้นเรื่องดังกล่าวเริ่มต้นมาจากการร้องเรียนของนายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ นายเฉลา ทิมทอง กรมควบคุมมลพิษ กองบังคับการกองปราบปราม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันกล่าวหาว่า นายวัฒนา อัศวเหม รมช.มหาดไทยในขณะนั้น ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รมช.มหาดไทย ข่มขืนใจ หรือจูงใจให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสังกัด อบต.คลองด่าน จัดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองด่าน เพื่อให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างอาคารโครงการจัดการน้ำเสีย และนำหลักฐานการพิจารณาอนุญาตดังกล่าวไปประกอบการเบิกเงินค่าที่ดินที่ตนเองมีส่วนได้เสียและได้รับประโยชน์จากเงินค่าที่ดินดังกล่าว

การยกข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงขึ้นมาจำนวน 10 คนโดยมี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน ซึ่งได้ทำการไต่สวนข้อเท็จจริง และสรุปสำนวนพร้อมทั้งทำความคิดเห็นเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.จนมีข้อสรุปออกมาดังกล่าว ซึ่งการยกข้อกล่าวหาดังกล่าวจะเป็นผลให้คดีความต่างๆ ที่เกี่ยวพันกับการกล่าวหานายวัฒนา อัฒวเหม ในศาลต่างๆ ทั้งศาลแพ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาจจะต้องมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ เพราะถือว่าเป็นข้อเท็จจริงใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยที่รัฐบาล กระทรวงยุติธรรม อัยการและองค์กรอิสระทั้งหลายที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความเป็นธรรมต่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดด้วยเพราะตกเป็นจำเลยของสังคมมานาน