นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ว่า วันนี้ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 11 ราย กลับบ้านแล้ว 31 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 43 ราย อาการหนัก 1 ราย ทำให้ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 17 ของโลก ขณะที่มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 3,680 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 2,435 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,545 ราย ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกใน 75 ประเทศ พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 92,321 ราย เสียชีวิต 3,137ราย ซึ่งประเทศไทยยังคงเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดเพื่อชะลอไม่ให้ประเทศไทยเข้าสู่การแพร่ระบาดในวงกว้าง
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีมาตรการเร่งด่วนสำหรับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้านการป้องกันโรค ทั้งหมด 14 ข้อ ได้แก่ 1. ให้ทุกหน่วยดำเนินตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด 2. ติดตามดูแลคนไทยในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้ออย่างใกล้ชิด 3. ทุกส่วนราชการระงับ/เลื่อนการเดินทางไปประเทศที่มีการแพร่ระบาดและประเทศเฝ้าระวัง 4. เตรียมสถานที่สังเกตอาการ คัดกรองผู้ป่วย 5. เจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดต้องกักตัว 14 วัน ไม่ถือเป็นวันลา
6. จัดหาเวชกัณฑ์อุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเพิ่มเติม และหากจำเป็นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานของบประมาณเพิ่มเติม 7. ตั้งศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทำเนียบรัฐบาล 8. ให้มีการประชุมเตรียมพร้อมป้องกันสม่ำเสมอ 9. ทุกหน่วยงานเร่งจัดหาสินค้าที่ใช้ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคให้พียงพอกับความต้องการ 10. ดูแลบุคลากรทางการแพทย์อย่างเหมาะสม
11. กระทรวงพาณิชย์ป้องกันการกักตุนสินค้าและควบคุมราคา 12. กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข บูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลรองรับ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 13. กระทรวงคมนาคมคัดกรองผู้โดยสารอย่างเคร่งครัด และ 14. ขอความร่วมมืองดจัดกิจกรรมที่ต้องมีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก
โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีประกาศเมื่อวานนี้ ว่า ขอให้รอผลการประชุมผู้บริหารในวันนี้ถึงความแน่นอนในการกำหนดรายชื่อประเทศที่เป็นเขตติดโรค และย้ำผู้ที่เดินทางกลับจากประทศที่มีการแพร่ระบาดเมื่อพบมีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หอบเหนื่อย อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ประสานสถานพยาบาล นำตัวตรวจรักษาตามความเหมาะสม หากไม่พบอาการต้องสงสัย มีภูมิลำเนาในไทย ให้กักตัวเองในที่พัก 14 วัน และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ หากต้องกักกันตนเองที่บ้าน (Self quarantine at home) 14 วัน ต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด ดังนี้ สวมหน้ากากอนามัย อยู่ห่างจากคนอื่น 1-2 เมตร หยุดเรียน/ทำงาน งดร่วมกิจกรรมต่างๆ นอนห้องแยก ปิดปาก-จมูกทุกครั้งที่ไอ จาม ทำความสะอาดที่พัก ของใช้ แยกของใช้ ทานอาหารแยกกับผู้อื่น ใช้ช้อนกลาง ทิ้งหน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี หลีกเลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ป่วย เด็ก ผู้สูงอายุ หากมีไข้ ไอ มีน้ำมูกเจ็บคอ หายใจเหนื่อย ให้รีบพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง
ส่วนเรื่องแรงงานไทยในประเทศเกาหลีใต้ วันนี้ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายความมั่นคง เพื่อวางแผนร่วมกัน
ด้านนายแพทย์บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงประเด็นหน้ากากอนามัย ว่า หากประชาชนร่วมมือจัดหาหน้ากากผ้าคนละ 3 ชิ้น มาสวมใส่พร้อมซักสับเปลี่ยนในแต่ละวัน ซึ่งเพียงพอกับการระมัดระวังป้องกันฝอยละอองน้ำลาย หรือเมื่อต้องเดินทางไปในที่คนแออัด เท่านี้ก็จะทำให้หน้ากากอนามัยชนิดที่ใช้ในโรงพยาบาลสีขาว-เขียวไม่ขาดแคลน และเพียงพอแก่บุคลากรสาธารณสุขที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการดูแลรักษาควบคุมป้องกันโรคให้กับประชาชนไทย