นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำคลิปเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาเปิดเผยต่อสาธารณะกันว่า มีการเสนอการซื้อตัว-ขายตัวของ ส.ส.ที่เพิ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคไป เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 ที่ผ่านมา โดยมีการตั้งค่าตัวถึงคนละ 23 ล้านบาท หรือมากกว่านั้น 223 นั้นว่า พฤติการณ์หรือการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยชัดแจ้ง อีกทั้งเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายหน้าไปทั้งโลก ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวส่งผลเสียไปทั้งระบบรัฐสภา ที่อ้างว่ามีการปฏิรูปแล้วนั้น ให้เห็นเด่นชัดว่าเป็นการถอยหลังลงเหวไปไกลมากพอสมควร ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าขยะแขยงต่อสาธารณชนเป็นอย่างยิ่ง เปรียบเสมือนโสเภณีทางการเมืองที่น่ารังเกียจ อีกทั้งเป็นการท้าทาย และฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างไม่เกรงกลัวความผิด ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญมิอาจปล่อยให้ผ่านไปได้
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ม.30 บัญญัติว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมเพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด สมัครเข้าเป็นสมาชิก เว้นแต่สิทธิหรือประโยชน์ ซึ่งบุคคลจะพึงได้รับในฐานะที่เป็นสมาชิก และ ม.31 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดเรียกรับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด จากพรรคการเมืองหรือจากผู้ใดเพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิก หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม ม.109 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปีด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และเอาผิดพรรคการเมืองและหรือผู้ที่กระทำการดังกล่าว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป โดยจะไปยื่นคำร้อง ในวันศุกร์ที่ 28 ก.พ.63 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคารบี หลักสี่ กทม.