“ศรีสุวรรณ” นำหลักฐานคลิปเสียงเจรจาซื้อตัวอดีต ส.ส.อนค. ยื่นร้อง กกต.เอาผิด ส.ส.ขายตัว-พรรคการเมือง อัดเป็นโสเภณีการเมือง เข้าข่ายยุบพรรค
วันนี้ (28 ก.พ.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำหลักฐานคลิปเสียงการเจรจาชักชวน ส.ส.ของอดีตพรรคอนาคตใหม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่น หลังศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ มายื่นร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายขัดมาตรา 30 และมาตรา 31 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใด เสนอให้ หรือรับ ให้ทรัพย์สิน ประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยตรง โดยอ้อมเพื่อจูงใจ ให้บุคคลสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง โดยนายศรีสุวรรณกล่าวว่า การชื้อขายตัว ส.ส.กฎหมายไม่อนุญาตให้ทำได้ และเป็นเรื่องที่น่าอับอาย เพราะนักการเมืองควรเป็นบุคคลตัวอย่างของประเทศ แต่กับมีพฤติกรรมไม่ต่างอะไรกับโสเภณีการเมือง เอาเงินมาเป็นที่ตั้ง แลกกับการที่ตัวเองจะเข้าไปเป็นสมาชิกพรรคหลังมีการยุบพรรคอนาคตใหม่
คลิปเสียงที่อดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่นำมาเผยแพร่ จึงถือเป็นหลักฐานสำคัญว่ามีการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าวแล้ว โดยมาตรา 92 (3) ในกฎหมายเดียวกัน ระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายทำลายล้างเป็นปฎิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมืองที่กระทำการดังกล่าวได้ และ ส.ส.ที่มีพฤติกรรมขายตัวกฎหมายก็กำหนดโทษไว้ในมาตรา 109 ว่าอาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ควรให้เกิดขึ้นในระบบการเมืองไทย กกต.จึงควรสอบสวนวินิจฉัยถ้าพบว่าเป็นความผิด ก็ควรเสนอศาลรัฐธรรมนูญบุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องและยื่นศาลฎีกา นักการเมืองให้ผิด ส.ส.ที่ขายตัว
นายศรีสุวรรณยังเห็นว่า แม้เนื้อหาการเจรจาจะไม่ได้ระบุว่าจะได้เงินตอบแทนเท่าไหร่ แต่ก็คือว่าจากถ้อยคำที่มีการพูดคุย ก็ทำให้เป็นที่เข้าใจได้ว่ามีการซื้อกันจริง อีกทั้งในเวลาต่อมาก็พบว่า ส.ส.ที่ถูกพูดถึงมีการพรรคการเมืองหนึ่งแจ้งต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าบุคคลคนนั้นได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคแล้ว ในคำร้องที่ยื่นจึงขอให้ กกต.เรียก ส.ส.ที่เอาคลิปต่างๆ ออกมาเปิดเผยมาชี้แจงยืนยัน ส่วน กกต.จะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ดุลพินิจว่าจะให้น้ำหนักกับพยานหลักฐานเพียงใด และเชื่อว่าสังคมรู้แล้วว่าเป็นการกระทำของ ส.ส.คนใดและพรรคไหน
“ไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นมวยล้มต้มคนดู หรือคลื่นกระทบฝั่ง จึงอยากให้มีกระบวนการที่นำไปสู่การสอบสวน เพราะ ส.ส.เป็นบุคคลที่ประชาชนยกย่อง เป็นผู้มีเกียรติ แต่ถ้ามีพฤติกรรมการกระทำเช่นนี้ก็ไม่สมเกียรติที่จะเรียก ส.ส.หรือผู้ทรงเกียรติ แต่ต้องเรียกว่าเป็นโสเภณีทางการเมืองได้”