นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ระบุว่า คำชี้แจงจากใจ ย้อนหลังกลับไปเมื่อเราประกาศว่า จะตั้งพรรคการเมือง เราจินตนาการไว้ว่า พรรคที่เราอยากสร้างต้องมีลักษณะเป็นพรรคมวลชน กล่าวคือเป็นพรรคที่มีฐานสมาชิกที่เข้าใจในอุดมการณ์ของพรรค ทำงานขยายฐานความคิดและแนวร่วม เพื่อสร้างอุดมการณ์นั้นร่วมกัน เราได้รับสถานะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นนิติบุคคลและได้รับการรองรับจากคณะกรรมการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2561 ตั้งแต่วันนั้น เราเริ่มงานการสร้างพรรคอย่างจริงจัง
เราตระหนักดีว่าการสร้างพรรคการเมืองจำเป็นต้องใช้เงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้กฎกติกาของรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2560 ที่กำหนดให้พรรคจะส่งผู้สมัครลงแข่งขัน ส.ส. ได้ ต้องมีสาขาพรรคอย่างน้อย 4 สาขา สาขาละ 500 คน โดยมีตัวแทนพรรคประจำจังหวัดทุกจังหวัด และสมาชิกพรรคจังหวัด 100 คน
เราจึงจำเป็นต้องมีที่ทำการพรรคทุกจังหวัดเพื่อหาสมาชิกทั่วประเทศ ที่ทำการมีค่าเช่า มีค่าน้ำค่าไฟ แต่ละจังหวัดต้องมีเจ้าหน้าที่ธุรการเพื่อทำงานเอกสารและขยายฐานมวลชน เราต้องมีเอกสารแนะนำพรรค ทีมสื่อสารออนไลน์เพื่อให้ประชาชนทราบถึงแนวอุดมการณ์ และนโยบายเพื่อชักชวนให้พวกเขาสมัครสมาชิกพรรค เราจำเป็นต้องมีอุปกรณ์สำนักงานเบื้องต้น เช่น เครื่องปรับอากาศ, โต๊ะ, เก้าอี้ และอุปกรณ์อื่นๆ ในสำนักงานทุกจังหวัด
เราต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ทั้งค่าที่พักและค่าน้ำมันในการลงพื้นที่ เพื่อดูแลสอดส่องความเดือดร้อนและสภาพปัญหาความเป็นจริงหน้างาน จากพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อนำมาพัฒนาเป็นนโยบายพรรค เรายังต้องมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ และซอฟท์แวร์ต่างๆ เพื่อใช้ในการเก็บข้อมูลและประเมินผลอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งหมดนี้ พรรคมีทางเลือกสองทาง คือ แบบที่หนึ่ง ใช้เงินส่วนตัวของผมในการจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นทางเลือกที่สะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และไม่มีความยุ่งยากในการทำเอกสารบันทึก
แต่เราเลือกทางที่ยากกว่า นั่นคือการให้ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นเป็นค่าใช้จ่ายของพรรค โดยให้พรรคกู้เงินจากผม ทางเลือกนี้เกิดความยุ่งยากในการจัดการมากขึ้น แต่โปร่งใสและตรวจสอบได้มากกว่า ทุกคนจะรู้ว่าในพรรคมีเงินกู้เท่าไหร่ และร่วมกันจ่าย ร่วมกันหาเงิน เพื่อสนับสนุนกิจกรรมพรรค เอาเงินมาไว้ตรงกลาง หน่วยงานไหนจะใช้จ่ายอย่างไรต้องผ่านกรรมการ มิใช่บุคคลใดบุคคลหนึ่งอนุมัติได้เหมือนทางเลือกแรก
ถ้าคนที่มีความฝันอยากเห็นประเทศไทยแบบเดียวกัน อยากมีตัวแทนของพวกเขาในสภาผู้แทนฯ ทุกคนต้องร่วมกันสร้าง ร่วมกันจ่าย ใครไม่มีเงินจ่ายก็ลงเป็นแรงในรูปแบบอาสา นี่คือพรรคการเมืองแบบที่เราอยากให้เป็น พรรคที่มีศักยภาพจะพัฒนาตัวเองเป็นสถาบันทางการเมือง เป็นพรรคของประชาชน เป็นความหวังของผู้ทุกข์ยาก เป็นเสาหลักของเรื่องประชาธิปไตยและความเท่าเทียมในประเทศไทยได้ในระยะยาว
กลับมาที่เหตุของกรณีการยุบพรรคที่จะมีการอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ ต้นเหตุคือมีผู้นำคำที่ผมอภิปรายสาธารณะที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) ว่าผมให้เงินพรรคกู้ แล้วไปฟ้องกับ กกต. ว่าเงินกู้นั้นเป็นนิติกรรมอำพราง แท้จริงแล้วเป็นเงินบริจาค ซึ่งผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ในเนื้อหาเรื่องกฎหมายนั้น ผมไม่ขอพูดซ้ำอีกในทีนี้ เนื่องจากผมและอาจารย์ปิยบุตร ได้พูดและเขียนไว้ในโอกาสอื่น
ถ้าเราทำแบบปกปิดมุบมิบ ผู้ร้องไปหาเจอเอาเอง และนำไปสู่การร้องกับ กกต. อาจจะอนุมานได้ว่านี่เป็นนิติกรรมอำพรางจริง แต่ผู้ร้องเอาคำอภิปรายของผมที่กระทำในที่เปิดเผย ย่อมแสดงให้ว่าธุรกรรมนี้เป็นไปโดยเจตารมย์ อย่างตรงไปตรงมา เปี่ยมไปด้วยความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส และพร้อมเปิดเผย อีกทั้งการที่ผมพูดถึงเรื่องเงินกู้ ความสำคัญของการระดมทุน ในหลายที่หลายโอกาสอย่างสม่ำเสมอ
ผมมักพูดเสมอว่า ผมเป็นลูกจ้างของสมาชิกพรรค ค่าสมาชิกพรรคคือเงินเดือนของพนักงาน เงินทำพรรค หน้าที่ของผมคือการรับใช้สมาชิกด้วยการทำนโยบายและอุดมการณ์ของพรรคให้เป็นจริง ผมจึงชักชวนมาโดยตลอดให้พี่น้องประชาชนที่สนับสนุนเรา ลงทุนด้วยกัน เป็นเจ้าของด้วยกัน ช่วยกันสมัครเป็นสมาชิกพรรค, ช่วยกันบริจาค และช่วยกันอุดหนุนซื้อสินค้าพรรค เพื่อเป็นทุนในการสร้างพรรคและคืนเงินกู้หัวหน้าพรรค
หลักฐานการให้ความสำคัญกับการระดมทุนเป็นที่ประจักษ์มากมาย ทั้งภาพการจัดกิจกรรมและภาพวิดีโอว่าพรรคนี้ เราจริงจังกับการระดมทุนจากสาธารณะ เราปฏิเสธเงินก้อนใหญ่จากทุนผูกขาดที่มาจากเลือดเนื้อประชาชนเพราะขัดต่อแนวอุดมการณ์ของพรรค โดยที่เราไม่ต้องการตอบแทนกลุ่มทุนเหล่านี้ หากวันใดเมื่อเรามีอำนาจทางการเมือง เราจะได้เป็นตัวของตัวเองที่สุด
คงไม่กล่าวเกินเลยความเป็นจริงว่ารอบปีที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคที่จริงจังที่สุดในการจัดกิจกรรมเพื่อการระดมทุน ซึ่งหากนับตั้งแต่วันที่เราได้รับการรับรองพรรคตามกฎหมายวันแรกในเดือนตุลาคมปี 2561 จนถึงสิ้นปี 2562 เราได้เงินจากค่าสมาชิก บริจาค และระดมทุนเป็นจำนวน 70+138 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเยอะมากทีเดียวสำหรับพรรคการเมืองเกิดใหม่ที่ระดมทุนจากประชาชน โดยยอดทั้งหมดนี้พรรคจะต้องส่งให้ กกต. ซึ่งน่าจะเป็นตัวยืนยันคำกล่าวของผมได้ดีที่สุด
แต่เหตุใดที่การกระทำแบบนี้กลับกลายเป็นดาบหอกทิ่มเราเสียเอง ทำให้เราต้องเผชิญกับความเสี่ยงยุบพรรค, ตัดสิทธิ์กรรมการบริหาร และติดคุกติดตารางเพราะความต้องการสร้างพรรคการเมืองแบบใหม่ที่ซื่อสัตย์, เจตนาดีและโปร่งใสอย่างนี้หรือ?
เรากลายเหมือนผู้ร้าย ไม่รอบคอบ และตั้งใจบิดเบือนกฎหมาย เราไม่ได้รับแม้แต่สิทธิในการพิจารณาคดีอย่างถูกต้อง และสิทธิในการสู้คดีอย่างที่พลเมืองในสังคมที่มีนิติรัฐ นิติธรรมควรจะได้รับ
ผมฝากทุกท่านที่สนับสนุนพวกเรา ช่วยกันกดชื่นชม ช่วยกันกดแบ่งปันข้อความนี้ของผม ช่วยกันอธิบายถึงความตั้งใจของพวกเรา ช่วยกันอธิบายถึงความไม่ถูกต้องชอบธรรมของกระบวนการทางกฎหมาย ให้คนที่ยังคลางแคลงสงสัยให้เข้าใจด้วย
พรรคอนาคตใหม่ตั้งขึ้นเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงผ่านสภาผู้แทนราษฎร และเราได้ทำให้ทุกคนเห็นถึงศักยภาพและความเป็นมืออาชีพของเราใน 7 เดือนของสภาสมัยนี้แล้ว เราทำงานการเมืองที่สร้างสรรค์เพื่อต้องการดึงความเชื่อมั่นของผู้คนให้กลับมาศรัทธาในระบบรัฐสภาของประเทศไทยอีกครั้ง
ผมได้แสดงความจริงใจถึงเหตุผลที่ผมและกรรมการบริหารให้พรรคกู้เงินอย่างครบถ้วนในที่นี้แล้ว ซึ่งหากผู้อ่านไม่มีอคติจนเกินไป ท่านจะเห็นว่าไม่มีเหตุผลในด้านเจตนาอันใดเลยในการที่จะยุบพรรคอนาคตใหม่ได้ อีกทั้งหากพิจารณาถึงข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ก็ไม่มีเหตุผลทางกฎหมายใดที่จะทำให้พรรคถูกยุบได้เช่นกัน
วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดีเงินกู้ ขอผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับความอยุติธรรมนี้ มาร่วมฟังคำวินิจฉัยและแสดงพลัง ที่สำนักงานใหญ่พรรคอนาคตใหม่ เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป