ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย วันนี้ (29 ม.ค.)ว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารวม 14 คน หายดีกลับบ้านแล้ว 5 คน อยู่ในโรงพยาบาล 9 คน และยังไม่พบการแพร่กระจายเชื้อในไทย
ส่วนผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนเมื่อวานนี้ พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เพิ่ม 22 คน ทำให้มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ 158 คน เป็นการคัดกรองได้ที่สนามบิน 29 คน ที่เหลือ 129 คน มารักษาที่โรงพยาบาลเอง โดย 62 คนกลับบ้านได้แล้ว ขณะที่ทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อแล้ว 6,057 คน และได้เพิ่มการตรวจคัดกรองคนจีนทุกเมืองที่เข้ามาในไทยใน 5 สนามบิน
นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุถึงกรณีที่อนาคตเชื้ออาจแพร่ระบาดในไทยเหมือนที่จีน ว่า มีทั้งไม่เป็น และเป็นไปได้ แต่กระทรวงสาธารณสุขได้วางมาตรการรองรับไว้ทุกขั้นจนถึงขั้นที่คิดว่าเลวร้ายที่สุดแล้ว และขยายวงตรวจสอบไปในกลุ่มเสี่ยงด้วย เช่น มัคคุเทศก์ หรือพนักงานบริการที่ต้องใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว และวันพรุ่งนี้ (30 ม.ค.) จะเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาฟังแนวทางการปฏิบัติในการเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อ แต่หากจะสกัดการแพร่ระบาดด้วยการไม่ให้คนที่มาจากประเทศที่มีการระบาดของเชื้อเข้าไทย ทางองค์การอนามัยโลก(WHO) ไม่แนะนำ และหากจะทำก็มีคำถามว่าต้องทำกับทุกประเทศที่มีการระบาดด้วยหรือไม่ ส่วนการช่วยเหลือคนไทยที่ติดในเมืองอู่ฮั่น เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ เชื่อว่ารัฐบาลมีความพร้อมในการช่วยเหลือ
นายแพทย์ธนรักษ์ ยังยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขมีขั้นตอนตรวจรักษาอย่างละเอียด หากผู้ป่วยไปรับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนจะย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลรัฐแล้วนำเข้าห้องแยกโรคเหมือนกันกับที่โรงพยาบาลรัฐ พร้อมประเมินว่าเชื้อโรคนี้ติดต่อผ่านทางละอองน้ำลาย หากมีใครพ่นน้ำลาย, ไอ หรือจามออกมา แล้วคนที่อยู่ใกล้สูดดมเข้าไปอาจติดได้ จึงย้ำกับประชาชนถึงวิธีป้องกันว่าให้หมั่นล้างมือ, ใส่หน้ากากอนามัย, เลี่ยงไปในที่ที่มีคนมาก และอย่านำมือไปสัมผัสตา จมูก ปาก
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังชี้แจงว่า ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปล่อยข่าวปลอมแล้ว 7 คน และขอให้ประชาชนรับข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินฯ เป็นหลัก หากสงสัยโทรสอบถามได้ที่สายด่วน 1422 กรมควบคุมโรคตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนเมื่อวานนี้ พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เพิ่ม 22 คน ทำให้มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ 158 คน เป็นการคัดกรองได้ที่สนามบิน 29 คน ที่เหลือ 129 คน มารักษาที่โรงพยาบาลเอง โดย 62 คนกลับบ้านได้แล้ว ขณะที่ทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อแล้ว 6,057 คน และได้เพิ่มการตรวจคัดกรองคนจีนทุกเมืองที่เข้ามาในไทยใน 5 สนามบิน
นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุถึงกรณีที่อนาคตเชื้ออาจแพร่ระบาดในไทยเหมือนที่จีน ว่า มีทั้งไม่เป็น และเป็นไปได้ แต่กระทรวงสาธารณสุขได้วางมาตรการรองรับไว้ทุกขั้นจนถึงขั้นที่คิดว่าเลวร้ายที่สุดแล้ว และขยายวงตรวจสอบไปในกลุ่มเสี่ยงด้วย เช่น มัคคุเทศก์ หรือพนักงานบริการที่ต้องใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว และวันพรุ่งนี้ (30 ม.ค.) จะเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาฟังแนวทางการปฏิบัติในการเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อ แต่หากจะสกัดการแพร่ระบาดด้วยการไม่ให้คนที่มาจากประเทศที่มีการระบาดของเชื้อเข้าไทย ทางองค์การอนามัยโลก(WHO) ไม่แนะนำ และหากจะทำก็มีคำถามว่าต้องทำกับทุกประเทศที่มีการระบาดด้วยหรือไม่ ส่วนการช่วยเหลือคนไทยที่ติดในเมืองอู่ฮั่น เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ เชื่อว่ารัฐบาลมีความพร้อมในการช่วยเหลือ
นายแพทย์ธนรักษ์ ยังยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขมีขั้นตอนตรวจรักษาอย่างละเอียด หากผู้ป่วยไปรับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนจะย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลรัฐแล้วนำเข้าห้องแยกโรคเหมือนกันกับที่โรงพยาบาลรัฐ พร้อมประเมินว่าเชื้อโรคนี้ติดต่อผ่านทางละอองน้ำลาย หากมีใครพ่นน้ำลาย, ไอ หรือจามออกมา แล้วคนที่อยู่ใกล้สูดดมเข้าไปอาจติดได้ จึงย้ำกับประชาชนถึงวิธีป้องกันว่าให้หมั่นล้างมือ, ใส่หน้ากากอนามัย, เลี่ยงไปในที่ที่มีคนมาก และอย่านำมือไปสัมผัสตา จมูก ปาก
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังชี้แจงว่า ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปล่อยข่าวปลอมแล้ว 7 คน และขอให้ประชาชนรับข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินฯ เป็นหลัก หากสงสัยโทรสอบถามได้ที่สายด่วน 1422 กรมควบคุมโรคตลอด 24 ชั่วโมง