ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สสจ.เชียงใหม่ ย้ำร่วมมือทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่อย่างเต็มที่ต่อเนื่อง แม้พบข้อจำกัดหลายอย่าง ขณะที่กระทรวงสั่งส่วนภูมิภาคงดให้ข้อมูลใดๆ ส่วนกลางขอแถลงเองป้องกันสับสน
วันนี้ (27 ม.ค. 63) ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ นพ.วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์การเฝ้าระวังป้องกันเชื้อโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ จากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน
ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมาร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวดต่อเนื่อง ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมและกำหนดแนวทางปฏิบัติในกรณีที่มีการพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์การสอบสวนโรคเพิ่มขึ้นหรือพบผู้ป่วยติดเชื้อ พร้อมทั้งเน้นการคัดกรองนักท่องทางเข้าออกประเทศที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และเพิ่มการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาลของรัฐ, โรงพยาบาลเอกชน, คลินิก และร้านขายยาทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ หากพบผู้ป่วยต้องสงสัย จะทำการส่งต่ออย่างปลอดภัย เข้าทำการรักษาในห้องแยกความดันลบ ในโรงพยาบาลที่มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้วและมีมาตรฐาน
สำหรับการคัดกรองพบผู้ป่วยเข้าข่ายต้องสงสัยที่จะต้องทำการสอบสวนโรคนั้น นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่บอกว่า มีการปฏิบัติทุกอย่างตามขั้นตอน ซึ่งที่ผ่านมาพบผู้ป่วยที่เข้าข่ายต้องสงสัยจำนวนหนึ่งและส่วนหนึ่งได้ตรวจอย่างละเอียดแล้วว่าไม่ได้เป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งอยูระหว่างการรอผลตรวจ อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถเปิดเผยหรือให้รายละเอียดใดๆ ได้ โดยต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาหลายข้อมูลที่สร้างความสับสนและอาจจะไม่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงทั้งหมด ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเกิดความห่วงใย และสั่งการว่าจากนี้ไปขอให้ทางส่วนภูมิภาคงดการให้ข้อมูล แต่จะเป็นส่วนกลางที่ให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการเป็นประจำทุกวัน เพื่อความถูกต้องของข้อมูลและป้องกันความสับสนที่อาจจะนำไปสู่ความตื่นตระหนกได้
นอกจากนี้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ย้ำว่า ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ในการเฝ้าระวังป้องกันเชื้อโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ในทุกช่องทางที่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าอาจจะมีข้อจำกัดบางอย่างและต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูงในการทำงานนี้ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องเทอร์โมสแกน ราคาประมาณ 1.4 ล้านบาท ที่มีอยู่เพียง 1 เครื่อง และค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยที่เข้าข่ายต้องสงสัยที่สูงอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาทต่อคน เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามทางสำนักงานสาธารณสุขยืนยันว่าจะทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถอย่างต่อเนื่องต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย