วันนี้ (30 ต.ต.) ศาลแพ่งกรุงเทพใต้นัดฟังคำพิพากษาคดีที่นายราชศักดิ์ เจริญรุ่งเรือง อายุ 31 ปี ชาว จ.ปราจีนบุรี มอบอำนาจให้นายธนากร เจริญรุ่งเรือง บิดา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องละเมิดเรียกค่าสินไหมทดแทนจำนวน 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5
สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2557 นายราชศักดิ์ ถูกตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวนภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ทั้งหมด 8 นาย ร่วมกันจับกุมในข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ขณะไปติดต่อซื้อไก่ชนจากหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งตำรวจได้ค้นบ้านพักของหญิงรายดังกล่าวพบยาบ้าซ่อนอยู่ประมาณ 700 เม็ด นายราชศักดิ์ ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับยาเสพติด แต่กลับถูกซ้อมบังคับให้รับสารภาพ นำทรัพย์สิน แหวนทองคำและสร้อยพระเครื่อง หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก รุ่น 1 มูลค่าหลักแสนบาทไป
คดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2558 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ฐานครอบครองยาบ้า 10 เม็ด โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา และยกฟ้องข้อหาร่วมกันมียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ต่อมาวันที่ 30 มีนาคม 2559 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง เช่นเดียวกับศาลฎีกาที่มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2561 ให้ยกฟ้องเช่นกัน เนื่องจากพยานหลักฐานขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
ทั้งนี้ นายราชศักดิ์ ต้องถูกคุมขังในเรือนจำนานกว่า 1 ปี โดยไม่มีความผิด ถูกซ้อมทรมาน เสียชื่อเสียง ต้องถูกให้ออกจากการเป็นพนักงานการไฟฟ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง ขาดประโยชน์จากรายได้ ต้องเสียประโยชน์จากสวนมะนาวกว่า 20 ไร่ และไก่ชนนับร้อยตัว จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 รวมเป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท
ด้านนายธนากร ระบุว่า คดีนี้ลูกชายและครอบครัวตนต้องประสบความสูญเสียหลายอย่าง ทั้งสร้อยแหวน เงินทอง พระเครื่อง รถจักรยานยนต์ แม้คดีถึงที่สุดแล้วยังไม่ได้ทรัพย์สินคืน เพราะถูกนำขายทอดตลาดไปแล้ว วันนี้จะรอดูว่าความเป็นธรรมมีในสังคมหรือไม่ ยังไม่รู้คำพิพากษาว่าจะออกมารูปแบบไหน อย่างไรก็ตาม คิดว่าศาลจะเมตตาในสิ่งที่ได้สูญเสียไป