บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 251 ในวันนี้ (11 ก.ค.) ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
นางจินดา แฮนซัน อายุ 38 ปี เดินทางมาจากรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับ นางนิตยาพร วิเศษฤทธิ์ อายุ 38 ปี เพื่อนที่พักอาศัยในประเทศไทย ย่านถนนพุทธมณฑลสายสอง โดยนางจินดา กล่าวว่า เดินทางไปใช้ชีวิตกับสามีและลูกที่สหรัฐอเมริกากว่า 10 ปีแล้ว แต่ได้ติดตามข่าวสารของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยตลอดทั้งผ่านทางออนไลน์ และจากการพูดคุยกับญาติพี่น้องในเมืองไทย ตอนที่ทราบข่าวการสวรรคตรู้สึกเสียใจมากๆ เช่นเดียวกับคนไทยทุกคนที่อาศัยที่นั่น ในช่วง 7 วันแรก ยังได้ร่วมกันทำบุญและปฎิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศลที่วัดพุทธออเรกอนด้วย แต่ผ่านมาสักระยะหนึ่งแล้ว ทำใจได้มากขึ้น ครั้งนี้ตั้งใจจะมากราบลาพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย เพราะช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพคงไม่มีโอกาสได้มาร่วมงาน และขอถือโอกาสนี้เป็นตัวแทนคนไทยในรัฐออเรกอน และรัฐวอชิงตัน ซึ่งมีคนอีกเยอะที่อยากมากราบพระบรมศพแต่ไม่มีโอกาส ขอใช้โอกาสนี้กราบพระองค์ท่านแทนคนเหล่านั้น
นางจินดา กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดมาเห็นในหลวง ร.9 มาตลอด อย่างในวันเด็กจะได้รับสมุดที่ปกเป็นรูปพระองค์ท่าน เราก็จะใช้แบบนั้นมาตลอด และที่ผ่านมา ยังได้เห็นการทรงงานที่ทรงคิดค้นโครงการพระราชดำริต่างๆ เพื่อคนไทยมากมาย พระองค์ท่านยังทรงเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนไทยทุกคน อย่างตัวเองได้น้อมนำแนวคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องการเรียน การพัฒนางาน การเป็นที่พึ่งแก่ตัวเอง การใช้ชีวิตและใช้จ่ายพอเพียง รวมถึงการนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
นายวราวิทย์ เพ็ญภาคกุล อายุ 75 ปี พสกนิกร อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เดินทางมาโดยรถขนส่งมวลชนตั้งแต่ค่ำคืนที่ผ่านมา และมาถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 6 โมงเช้า โดยมีลูกชาย นายวิทยา เพ็ญภาคสกุล ที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นผู้พามาสนามหลวง ก่อนจะได้เข้าคิวเพื่อกราบสักการะอย่างที่ตั้งใจไว้
นายวราวิทย์ กล่าวว่า รู้สึกสบายใจที่ได้มากราบในหลวง ร.9 อย่างใกล้ชิด หลังพระองค์เสด็จสวรรคต ตนได้เดินทางมารอบพระบรมมหาราชวัง 4-5 ครั้ง ยังไม่มีโอกาสได้มากราบ ส่วนตัวป่วยเป็นหลายโรค ทั้งโรคไต หัวใจ เบาหวาน และความดัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหัวใจเต้นไม่ปรกติ แต่พยายามดูแลตัวเองเพื่อให้ได้มากราบพระองค์ให้ได้ ผมได้มองไปที่พระบรมโกศด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ทรงช่วยเหลือประชาชนในถิ่นทุรกันดารมากมาย นับเป็นความตื้นตันที่ได้มากราบพระองค์อย่างใกล้ชิด และตั้งปณิธานว่าจะปฏิบัติตนเป็นคนดีตลอดไป
นางจินดา แฮนซัน อายุ 38 ปี เดินทางมาจากรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับ นางนิตยาพร วิเศษฤทธิ์ อายุ 38 ปี เพื่อนที่พักอาศัยในประเทศไทย ย่านถนนพุทธมณฑลสายสอง โดยนางจินดา กล่าวว่า เดินทางไปใช้ชีวิตกับสามีและลูกที่สหรัฐอเมริกากว่า 10 ปีแล้ว แต่ได้ติดตามข่าวสารของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยตลอดทั้งผ่านทางออนไลน์ และจากการพูดคุยกับญาติพี่น้องในเมืองไทย ตอนที่ทราบข่าวการสวรรคตรู้สึกเสียใจมากๆ เช่นเดียวกับคนไทยทุกคนที่อาศัยที่นั่น ในช่วง 7 วันแรก ยังได้ร่วมกันทำบุญและปฎิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศลที่วัดพุทธออเรกอนด้วย แต่ผ่านมาสักระยะหนึ่งแล้ว ทำใจได้มากขึ้น ครั้งนี้ตั้งใจจะมากราบลาพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย เพราะช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพคงไม่มีโอกาสได้มาร่วมงาน และขอถือโอกาสนี้เป็นตัวแทนคนไทยในรัฐออเรกอน และรัฐวอชิงตัน ซึ่งมีคนอีกเยอะที่อยากมากราบพระบรมศพแต่ไม่มีโอกาส ขอใช้โอกาสนี้กราบพระองค์ท่านแทนคนเหล่านั้น
นางจินดา กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดมาเห็นในหลวง ร.9 มาตลอด อย่างในวันเด็กจะได้รับสมุดที่ปกเป็นรูปพระองค์ท่าน เราก็จะใช้แบบนั้นมาตลอด และที่ผ่านมา ยังได้เห็นการทรงงานที่ทรงคิดค้นโครงการพระราชดำริต่างๆ เพื่อคนไทยมากมาย พระองค์ท่านยังทรงเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนไทยทุกคน อย่างตัวเองได้น้อมนำแนวคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องการเรียน การพัฒนางาน การเป็นที่พึ่งแก่ตัวเอง การใช้ชีวิตและใช้จ่ายพอเพียง รวมถึงการนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
นายวราวิทย์ เพ็ญภาคกุล อายุ 75 ปี พสกนิกร อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เดินทางมาโดยรถขนส่งมวลชนตั้งแต่ค่ำคืนที่ผ่านมา และมาถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 6 โมงเช้า โดยมีลูกชาย นายวิทยา เพ็ญภาคสกุล ที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นผู้พามาสนามหลวง ก่อนจะได้เข้าคิวเพื่อกราบสักการะอย่างที่ตั้งใจไว้
นายวราวิทย์ กล่าวว่า รู้สึกสบายใจที่ได้มากราบในหลวง ร.9 อย่างใกล้ชิด หลังพระองค์เสด็จสวรรคต ตนได้เดินทางมารอบพระบรมมหาราชวัง 4-5 ครั้ง ยังไม่มีโอกาสได้มากราบ ส่วนตัวป่วยเป็นหลายโรค ทั้งโรคไต หัวใจ เบาหวาน และความดัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหัวใจเต้นไม่ปรกติ แต่พยายามดูแลตัวเองเพื่อให้ได้มากราบพระองค์ให้ได้ ผมได้มองไปที่พระบรมโกศด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ทรงช่วยเหลือประชาชนในถิ่นทุรกันดารมากมาย นับเป็นความตื้นตันที่ได้มากราบพระองค์อย่างใกล้ชิด และตั้งปณิธานว่าจะปฏิบัติตนเป็นคนดีตลอดไป