บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันนี้ (7 ก.ค.) ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 247 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
นางสาวนรัฐวรรณ อุดมเดชะ อายุ 42 ปี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังที่กราบสักการะพระบรมศพ ว่า เพิ่งมาเป็นครั้งแรก วินาทีแรกที่ได้ก้มกราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศนั้นรู้สึกตื่นเต้น ตื้นตันใจเป็นที่สุด เพราะได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่า ต้องมากราบสักการะพระบรมศพให้ได้สักครั้งในชีวิตก่อนที่จะถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิง ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.9 ที่นอกจากจะทรงทุ่มเทพระวรกายทรงงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อพสกนิกรชาวไทยแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นต้นแบบที่ดีในการดำเนินชีวิตของพสกนิกรชาวไทยเสมอมา
"ตั้งแต่เล็กจนโต เวลาดูทีวีข่าวในพระราชสำนักเราจะเห็นในหลวง ร.9 ทรงงานในพื้นที่ทุรกันดารมาโดยตลอด บางพื้นที่แสนลำบาก ไกลปืนเที่ยง แต่พระองค์ก็มิได้ทรงย่อท้อ กลับเสด็จพระราชดำเนินไปจนถึง หรือแม้แต่หลักคำสอนของพระองค์เรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระองค์ทรงวางแนวทางไว้ ซึ่งทุกวันนี้เราก็กำลังเดินตามรอยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ เพราะขณะนี้กำลังเก็บเงินเพื่อกลับไปอยู่ที่บ้านต่างจังหวัด ทำสวนทำไร่นา ก็พออยู่ได้ มีหลายครั้งที่ลาพักร้อนกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด วันหนึ่งใช้เงินแค่ 100 บาทเอง แต่อยู่กรุงเทพฯ ถึงแม้ทำงานมีเงินเดือน เดือนละ 60,000 บาท แต่หักค่าใช้จ่าย ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าภาษีสังคมแล้วแทบไม่พอใช้จ่าย ดังนั้น อีกไม่กี่ปีเราก็จะกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดปลูกผัก ทำสวนครัวไว้กินไว้ขายชีวิตนี้ก็อยู่ได้ ถ้าไม่มีหนี้สินอยู่อย่างพอเพียงตามรอยพ่อหลวง" นางสาวนรัฐวรรณ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
นายประสิทธิ์ อินทฉิม ผู้อำนวยการโรงเรียนขุนห้วยตากพัฒนาศึกษา อ.ห้วยตาก จ.ตาก กล่าวว่า วันนี้ได้พาตัวแทนครู พร้อมนักเรียนชนเผ่าม้ง รวมกว่า 60 คน เดินทางมาเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้มีโอกาสมาร่วมถวายความอาลัยและมาแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งที่ผ่านมาทางโรงเรียนได้ให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริของพระองค์ โดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งก็มีคำสอนต่างๆ อยู่ในนั้น ทั้งด้านเกษตร การปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ความขยันหมั่นเพียรและความพอเพียง รวมถึงปลูกฝังให้นักเรียนมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้นักเรียนรู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัดมีความพอเพียง ซึ่งนอกจากจะเกิดผลดีต่อตัวนักเรียนแล้วยังส่งผลดีถึงครอบครัวของนักเรียน นอกจากนี้ ยังลดปัญหายาเสพติดภายในโรงเรียนได้ด้วย
ด้านนายสุริยา แซ่ย่าง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขุนห้วยตากพัฒนาศึกษา กล่ววว่า ตนและเพื่อนๆ เพิ่งจะมีโอกาสเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก รู้สึกตื่นเต้น ที่ผ่านมาคุณครูได้นำเรื่อง พระมหาชนก หลักธรรมแห่งความเพียร มาสอนนักเรียน จึงทำให้ตนเองคิดว่าการจะประสบความสำเร็จจะต้องมีความขยันอดทนและพยายามจึงจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจไว้ นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังนำโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาสอนนักเรียนในเรื่องการปลูกผัก ผลไม้ การปลูกข้าว ทำให้มีความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งสามารถนำกลับไปทำที่บ้านได้ด้วย
นางสาวนรัฐวรรณ อุดมเดชะ อายุ 42 ปี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังที่กราบสักการะพระบรมศพ ว่า เพิ่งมาเป็นครั้งแรก วินาทีแรกที่ได้ก้มกราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศนั้นรู้สึกตื่นเต้น ตื้นตันใจเป็นที่สุด เพราะได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่า ต้องมากราบสักการะพระบรมศพให้ได้สักครั้งในชีวิตก่อนที่จะถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิง ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.9 ที่นอกจากจะทรงทุ่มเทพระวรกายทรงงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อพสกนิกรชาวไทยแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นต้นแบบที่ดีในการดำเนินชีวิตของพสกนิกรชาวไทยเสมอมา
"ตั้งแต่เล็กจนโต เวลาดูทีวีข่าวในพระราชสำนักเราจะเห็นในหลวง ร.9 ทรงงานในพื้นที่ทุรกันดารมาโดยตลอด บางพื้นที่แสนลำบาก ไกลปืนเที่ยง แต่พระองค์ก็มิได้ทรงย่อท้อ กลับเสด็จพระราชดำเนินไปจนถึง หรือแม้แต่หลักคำสอนของพระองค์เรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระองค์ทรงวางแนวทางไว้ ซึ่งทุกวันนี้เราก็กำลังเดินตามรอยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ เพราะขณะนี้กำลังเก็บเงินเพื่อกลับไปอยู่ที่บ้านต่างจังหวัด ทำสวนทำไร่นา ก็พออยู่ได้ มีหลายครั้งที่ลาพักร้อนกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด วันหนึ่งใช้เงินแค่ 100 บาทเอง แต่อยู่กรุงเทพฯ ถึงแม้ทำงานมีเงินเดือน เดือนละ 60,000 บาท แต่หักค่าใช้จ่าย ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าภาษีสังคมแล้วแทบไม่พอใช้จ่าย ดังนั้น อีกไม่กี่ปีเราก็จะกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดปลูกผัก ทำสวนครัวไว้กินไว้ขายชีวิตนี้ก็อยู่ได้ ถ้าไม่มีหนี้สินอยู่อย่างพอเพียงตามรอยพ่อหลวง" นางสาวนรัฐวรรณ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
นายประสิทธิ์ อินทฉิม ผู้อำนวยการโรงเรียนขุนห้วยตากพัฒนาศึกษา อ.ห้วยตาก จ.ตาก กล่าวว่า วันนี้ได้พาตัวแทนครู พร้อมนักเรียนชนเผ่าม้ง รวมกว่า 60 คน เดินทางมาเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้มีโอกาสมาร่วมถวายความอาลัยและมาแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งที่ผ่านมาทางโรงเรียนได้ให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริของพระองค์ โดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งก็มีคำสอนต่างๆ อยู่ในนั้น ทั้งด้านเกษตร การปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ความขยันหมั่นเพียรและความพอเพียง รวมถึงปลูกฝังให้นักเรียนมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้นักเรียนรู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัดมีความพอเพียง ซึ่งนอกจากจะเกิดผลดีต่อตัวนักเรียนแล้วยังส่งผลดีถึงครอบครัวของนักเรียน นอกจากนี้ ยังลดปัญหายาเสพติดภายในโรงเรียนได้ด้วย
ด้านนายสุริยา แซ่ย่าง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขุนห้วยตากพัฒนาศึกษา กล่ววว่า ตนและเพื่อนๆ เพิ่งจะมีโอกาสเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก รู้สึกตื่นเต้น ที่ผ่านมาคุณครูได้นำเรื่อง พระมหาชนก หลักธรรมแห่งความเพียร มาสอนนักเรียน จึงทำให้ตนเองคิดว่าการจะประสบความสำเร็จจะต้องมีความขยันอดทนและพยายามจึงจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจไว้ นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังนำโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาสอนนักเรียนในเรื่องการปลูกผัก ผลไม้ การปลูกข้าว ทำให้มีความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งสามารถนำกลับไปทำที่บ้านได้ด้วย