บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันนี้ (13 มิ.ย.) ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 223 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
นางอุษา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองนายแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง อายุ 59 ปี เล่าว่า ในฐานะทำงานด้านบริหาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือต้นแบบที่ดีที่สุดทั้งในเรื่องงานและพระราชจริยวัตรส่วนพระองค์ และแน่นอนว่าแนวคำสอนที่น้อมนำมาใช้คือเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เนื่องจากข้าราชการมีรายได้น้อย จึงต้องรู้จักเก็บออม ขณะเดียวกัน ก็ต้องรู้จักจัดสรรให้พอเหมาะ ซึ่งหลักนี้สามารถนำมาใช้ได้ทั้งในเรื่องส่วนตัวและการทำงาน เพราะเนื้องานต้องดูแลข้าราชการหลายหน่วยงานด้วยกัน สิ่งสำคัญจะบอกกับน้องๆ ทุกคนว่าอย่ามัวไปมองว่าคนอื่นมีอะไร อย่าใช้เงินในอนาคต ถึงแม้ว่าจะอยู่ในส่วนของงานสหกรณ์หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องกู้ แค่ใช้บริการในเรื่องการออมทรัพย์ก็พอแล้ว บ้านของแต่ละคนมีเนื้อที่เท่าไหร่ก็แบ่งสัดส่วนให้พอเหมาะสำหรับทำการเกษตรแบบผสมผสาน เพื่อใช้ให้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกหนึ่งความประทับใจต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 คือ พระองค์ท่านทรงงานมากแต่ไม่เคยได้ยินเลยว่า พระองค์จะทรงบ่นว่าเหนื่อย ร้อน หรือหนาว นอกจากนี้ พระองค์ท่านยังไม่เคยตรัสถึงใครในทางไม่ดีเลย แม้แต่ในส่วนของประชาชน
"วันนี้มาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ครั้งแรกที่มาอยู่ในช่วง 15 วันแรก ความรู้สึกตอนนั้นคือการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ ร้องไห้กันทั้งแผ่นดิน ครั้งที่สองที่มารู้สึกผ่อนคลายขึ้นพอได้กราบจึงเกิดความปีติ ส่วนล่าสุดนี้ในนามสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุข จังหวัดระยอง มาเพื่อเตรียมตัวรับความเสียใจที่จะเกิดอีกครั้งในเวลาอีกไม่ช้า และสำหรับสหกรณ์ฯ ปีนี้ครบ 30 ปี เราจึงถือโอกาสทำงานเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลถวายแด่พ่อหลวง ทั้งรณรงค์ในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ดูแลผู้ด้อยโอกาส หาอาชีพให้กับสมาชิก ทำบุญตักบาตร ทำดอกไม้จันทน์" นางอุษา กล่าว
นางทองสุข แซ่เจีย อายุ 69 ปี ปัจจุบันเป็นจิตอาสาที่โรงพยาบาลราชบุรี เดินทางมาพร้อมคณะเทศบาลเมืองราชบุรี 70 คนตั้งแต่เช้ามืด เปิดเผยว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางมากราบพระบรมศพในหลวง ร.9 เป็นความปลาบปลื้มใจ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระองค์ทรงงานเพื่อปวงชนชาวไทย ทำให้พวกเรามีชีวิตที่ดีในวันนี้ ตนได้น้อมนำในเรื่องของความพอเพียงมาใช้ โดยทุกวันนี้ตนทำจิตอาสาที่โรงพยาบาล โดยนึกถึงสิ่งที่ในหลวง ร.9 ทรงทำเพื่อผู้อื่น และอยากใช้หนี้ให้แผ่นดินที่เราได้อยู่อาศัย
"พวกเราชาวราชบุรีโชคดีที่ได้รับเสด็จพระองค์ขณะประทับรถไฟ เพื่อเสด็จฯ ผ่านไปยังหัวหิน ทุกคนจะมาเฝ้ารอที่สถานีรถไฟจำนวนมาก เมื่อเสด็จฯ ผ่านจะทรงโบกพระหัตถ์และมีพระปฏิสันถารกับพสกนิกรอย่างไม่ถือพระองค์ นับเป็นความตื้นตันใจที่จำได้ถึงทุกวันนี้" นางทองสุข กล่าว
นางอุษา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองนายแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง อายุ 59 ปี เล่าว่า ในฐานะทำงานด้านบริหาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือต้นแบบที่ดีที่สุดทั้งในเรื่องงานและพระราชจริยวัตรส่วนพระองค์ และแน่นอนว่าแนวคำสอนที่น้อมนำมาใช้คือเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เนื่องจากข้าราชการมีรายได้น้อย จึงต้องรู้จักเก็บออม ขณะเดียวกัน ก็ต้องรู้จักจัดสรรให้พอเหมาะ ซึ่งหลักนี้สามารถนำมาใช้ได้ทั้งในเรื่องส่วนตัวและการทำงาน เพราะเนื้องานต้องดูแลข้าราชการหลายหน่วยงานด้วยกัน สิ่งสำคัญจะบอกกับน้องๆ ทุกคนว่าอย่ามัวไปมองว่าคนอื่นมีอะไร อย่าใช้เงินในอนาคต ถึงแม้ว่าจะอยู่ในส่วนของงานสหกรณ์หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องกู้ แค่ใช้บริการในเรื่องการออมทรัพย์ก็พอแล้ว บ้านของแต่ละคนมีเนื้อที่เท่าไหร่ก็แบ่งสัดส่วนให้พอเหมาะสำหรับทำการเกษตรแบบผสมผสาน เพื่อใช้ให้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกหนึ่งความประทับใจต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 คือ พระองค์ท่านทรงงานมากแต่ไม่เคยได้ยินเลยว่า พระองค์จะทรงบ่นว่าเหนื่อย ร้อน หรือหนาว นอกจากนี้ พระองค์ท่านยังไม่เคยตรัสถึงใครในทางไม่ดีเลย แม้แต่ในส่วนของประชาชน
"วันนี้มาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ครั้งแรกที่มาอยู่ในช่วง 15 วันแรก ความรู้สึกตอนนั้นคือการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ ร้องไห้กันทั้งแผ่นดิน ครั้งที่สองที่มารู้สึกผ่อนคลายขึ้นพอได้กราบจึงเกิดความปีติ ส่วนล่าสุดนี้ในนามสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุข จังหวัดระยอง มาเพื่อเตรียมตัวรับความเสียใจที่จะเกิดอีกครั้งในเวลาอีกไม่ช้า และสำหรับสหกรณ์ฯ ปีนี้ครบ 30 ปี เราจึงถือโอกาสทำงานเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลถวายแด่พ่อหลวง ทั้งรณรงค์ในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ดูแลผู้ด้อยโอกาส หาอาชีพให้กับสมาชิก ทำบุญตักบาตร ทำดอกไม้จันทน์" นางอุษา กล่าว
นางทองสุข แซ่เจีย อายุ 69 ปี ปัจจุบันเป็นจิตอาสาที่โรงพยาบาลราชบุรี เดินทางมาพร้อมคณะเทศบาลเมืองราชบุรี 70 คนตั้งแต่เช้ามืด เปิดเผยว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางมากราบพระบรมศพในหลวง ร.9 เป็นความปลาบปลื้มใจ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระองค์ทรงงานเพื่อปวงชนชาวไทย ทำให้พวกเรามีชีวิตที่ดีในวันนี้ ตนได้น้อมนำในเรื่องของความพอเพียงมาใช้ โดยทุกวันนี้ตนทำจิตอาสาที่โรงพยาบาล โดยนึกถึงสิ่งที่ในหลวง ร.9 ทรงทำเพื่อผู้อื่น และอยากใช้หนี้ให้แผ่นดินที่เราได้อยู่อาศัย
"พวกเราชาวราชบุรีโชคดีที่ได้รับเสด็จพระองค์ขณะประทับรถไฟ เพื่อเสด็จฯ ผ่านไปยังหัวหิน ทุกคนจะมาเฝ้ารอที่สถานีรถไฟจำนวนมาก เมื่อเสด็จฯ ผ่านจะทรงโบกพระหัตถ์และมีพระปฏิสันถารกับพสกนิกรอย่างไม่ถือพระองค์ นับเป็นความตื้นตันใจที่จำได้ถึงทุกวันนี้" นางทองสุข กล่าว