บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันนี้ (8 มิ.ย.) ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 218 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
นางนิชานันท์ เครือทุมมา ชาว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เดินทางมาพร้อมกับสามีชาวออสเตรเลีย และน้องสาว ซึ่งตนเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกมาช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งมีประชาชนเดินทางมากราบจำนวนมากและรอนาน วันนี้พาสามี คือ นายเควิน เจมส์ คอร์เทน มาด้วย ใช้เวลารอเข้ากราบไม่นานและได้นั่งกราบแถวหน้าอย่างใกล้ชิด รู้สึกประทับใจมากและมีเวลาอธิษฐานถึงพระองค์ท่านขอให้ชีวิตครอบครัวเรามีความสุขและขอให้พระองค์คุ้มครองประเทศ
"รู้สึกประทับใจทุกอย่างที่พระองค์ทำไว้ ท่านเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของคนไทย สำหรับพี่เคยเป็นครูสอนมา 29 ปี ก็ได้น้อมนำหลักทศพิธราชธรรม 10 ประการของพระองค์มาสอนลูก ๆ หลาน ๆ และนักเรียน ทั้งในเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ความยุติธรรม ความขยันหมั่นเพียร รวมถึงความมีน้ำใจต่อกัน และสอนให้รักสถาบันชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับประเทศไทยของเรา และให้ทำความดีถวายในหลวง ร.9 เพราะท่านเปรียบเสมือนพ่อของแผ่นดิน ไม่มีพระมหากษัติย์พระองค์ใดที่จะทำได้เหมือนในหลวง ร.9 ท่านทรงพระราชทานโครงการต่าง ๆ ช่วยเหลือราษฎร และทรงมีพระจริยวัตรที่งดงาม ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดที่เราภาคภูมิใจ" นางนิชานันท์ กล่าว
ส่วน น.ส. รุ่งกมล อ่อนรัตน์ อายุ 36 ปี พนักงานต้อนรับร้านอาหาร มัมเบอร์โต้ ชาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ กล่าวว่า เดินทางมาโดยเครื่องบินพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ถึงกรุงเทพฯ ช่วงเย็นวันที่ 7 มิถุนายน และได้เดินทางมาเข้ากราบสักการะพระบรมศพครั้งหนึ่งแล้ว แต่ได้เข้ากราบเพียงเดี๋ยวเดียว เช้าวันนี้จึงได้เดินทางมาต่อแถวเพื่อเข้ากราบอีกครั้งก่อนเดินทางกลับ จ.กระบี่ ในวันพรุ่งนี้ และตั้งใจกันไว้ว่าในช่วงเดือนตุลาคมนี้ จะเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพพระองค์อีกครั้งหนึ่ง
น.ส.รุ่งกมล กล่าวต่อว่า อยากมากราบพระองค์ท่านนานแล้วแต่ติดงาน ซึ่งพ่อกับแม่ก็อยากให้ลูกมาด้วย จึงรอให้ลูกหยุดงานได้ก่อน วันนี้ก็รู้สึกดีใจที่ได้มากราบพระองค์ มาแสดงความกตัญญูต่อพระองค์ โดยมีพ่อกับแม่มาด้วยพร้อมหน้า แต่พอมาถึงก็รู้สึกเสียใจและใจหายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 จากพวกเราไป พระองค์ท่านทรงมีโครงการช่วยเหลือเกษตรกรมากมาย ซึ่งที่บ้านพ่อกับแม่มีอาชีพเกษตรกปลูกปาล์ม ทำสวนยางพารา และปลูกผักผลไม้แบบผสมผสาน มีทุเรียน มังคุด เงาะ และสัปรด ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระองค์มาปรับใช้ทำให้ครอบครัวมีรายได้
นางนิชานันท์ เครือทุมมา ชาว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เดินทางมาพร้อมกับสามีชาวออสเตรเลีย และน้องสาว ซึ่งตนเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกมาช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งมีประชาชนเดินทางมากราบจำนวนมากและรอนาน วันนี้พาสามี คือ นายเควิน เจมส์ คอร์เทน มาด้วย ใช้เวลารอเข้ากราบไม่นานและได้นั่งกราบแถวหน้าอย่างใกล้ชิด รู้สึกประทับใจมากและมีเวลาอธิษฐานถึงพระองค์ท่านขอให้ชีวิตครอบครัวเรามีความสุขและขอให้พระองค์คุ้มครองประเทศ
"รู้สึกประทับใจทุกอย่างที่พระองค์ทำไว้ ท่านเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของคนไทย สำหรับพี่เคยเป็นครูสอนมา 29 ปี ก็ได้น้อมนำหลักทศพิธราชธรรม 10 ประการของพระองค์มาสอนลูก ๆ หลาน ๆ และนักเรียน ทั้งในเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ความยุติธรรม ความขยันหมั่นเพียร รวมถึงความมีน้ำใจต่อกัน และสอนให้รักสถาบันชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับประเทศไทยของเรา และให้ทำความดีถวายในหลวง ร.9 เพราะท่านเปรียบเสมือนพ่อของแผ่นดิน ไม่มีพระมหากษัติย์พระองค์ใดที่จะทำได้เหมือนในหลวง ร.9 ท่านทรงพระราชทานโครงการต่าง ๆ ช่วยเหลือราษฎร และทรงมีพระจริยวัตรที่งดงาม ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดที่เราภาคภูมิใจ" นางนิชานันท์ กล่าว
ส่วน น.ส. รุ่งกมล อ่อนรัตน์ อายุ 36 ปี พนักงานต้อนรับร้านอาหาร มัมเบอร์โต้ ชาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ กล่าวว่า เดินทางมาโดยเครื่องบินพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ถึงกรุงเทพฯ ช่วงเย็นวันที่ 7 มิถุนายน และได้เดินทางมาเข้ากราบสักการะพระบรมศพครั้งหนึ่งแล้ว แต่ได้เข้ากราบเพียงเดี๋ยวเดียว เช้าวันนี้จึงได้เดินทางมาต่อแถวเพื่อเข้ากราบอีกครั้งก่อนเดินทางกลับ จ.กระบี่ ในวันพรุ่งนี้ และตั้งใจกันไว้ว่าในช่วงเดือนตุลาคมนี้ จะเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพพระองค์อีกครั้งหนึ่ง
น.ส.รุ่งกมล กล่าวต่อว่า อยากมากราบพระองค์ท่านนานแล้วแต่ติดงาน ซึ่งพ่อกับแม่ก็อยากให้ลูกมาด้วย จึงรอให้ลูกหยุดงานได้ก่อน วันนี้ก็รู้สึกดีใจที่ได้มากราบพระองค์ มาแสดงความกตัญญูต่อพระองค์ โดยมีพ่อกับแม่มาด้วยพร้อมหน้า แต่พอมาถึงก็รู้สึกเสียใจและใจหายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 จากพวกเราไป พระองค์ท่านทรงมีโครงการช่วยเหลือเกษตรกรมากมาย ซึ่งที่บ้านพ่อกับแม่มีอาชีพเกษตรกปลูกปาล์ม ทำสวนยางพารา และปลูกผักผลไม้แบบผสมผสาน มีทุเรียน มังคุด เงาะ และสัปรด ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระองค์มาปรับใช้ทำให้ครอบครัวมีรายได้
