การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.วันนี้ (9 ธ.ค.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เป็นประธานการประชุม รับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการการเมือง สนช. เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีศึกษา พ.ร.บ.ประกอบร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. พ.ศ.2550 และ พ.ร.บ.ประกอบร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550
นายกล้านรงค์ จันทิก ประธาน กมธ. รายงานว่า กมธ.ใช้ฐานจากกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ มาศึกษาข้อดีและข้อเสีย โดยร่าง พ.ร.บ.ประกอบร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.นั้น กมธ.เห็นด้วยในหลักการเดิม โดยเฉพาะอำนาจหน้าที่และโครงสร้างเดิม ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับประชามติ รวมไปถึง กกต.จังหวัดด้วย แต่มีข้อเสนอแนะให้เพิ่มอำนาจ กกต.โดยเฉพาะเรื่องของการสืบสวนสอบสวน ในการเรียกบุคคลตรวจค้น อายัด ยึด เช่นเดียวกับเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ กกต.
ส่วนร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง นั้น กมธ.การเมือง เห็นว่าหลักการการตั้งพรรคการเมืองตั้งจัดตั้งง่าย มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องและยุบยาก และควรเพิ่มบทบัญญัติว่าด้วยการห้ามไม่ให้นอมินีหรือบุคคลภายนอกเข้ามายุ่งในกิจการภายในของพรรคการเมือง หากฝ่าฝืนพบว่ามีความผิดดังกล่าวจริง ให้ถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นอกจากนี้ กมธ.ยังเห็นว่าการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ของนักการเมือง ยังมีความจำเป็น และควรเพิ่มโทษหากพบว่ามีความพยายามในการปกปิด ส่วนเงินบริจาค ทาง กมธ.เห็นว่าควรให้บริจาคโดยตรงกับพรรคการเมือง โดยจำนวนเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทนั้น ควรปรับปรุงเนื่องจากไม่สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ถือเป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น เพื่อเตรียมใช้สำหรับการพิจารณากฎหมายลูกที่ สนช.จะรับไม้ต่อมาพิจารณาจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)
นายกล้านรงค์ จันทิก ประธาน กมธ. รายงานว่า กมธ.ใช้ฐานจากกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ มาศึกษาข้อดีและข้อเสีย โดยร่าง พ.ร.บ.ประกอบร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.นั้น กมธ.เห็นด้วยในหลักการเดิม โดยเฉพาะอำนาจหน้าที่และโครงสร้างเดิม ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับประชามติ รวมไปถึง กกต.จังหวัดด้วย แต่มีข้อเสนอแนะให้เพิ่มอำนาจ กกต.โดยเฉพาะเรื่องของการสืบสวนสอบสวน ในการเรียกบุคคลตรวจค้น อายัด ยึด เช่นเดียวกับเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ กกต.
ส่วนร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง นั้น กมธ.การเมือง เห็นว่าหลักการการตั้งพรรคการเมืองตั้งจัดตั้งง่าย มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องและยุบยาก และควรเพิ่มบทบัญญัติว่าด้วยการห้ามไม่ให้นอมินีหรือบุคคลภายนอกเข้ามายุ่งในกิจการภายในของพรรคการเมือง หากฝ่าฝืนพบว่ามีความผิดดังกล่าวจริง ให้ถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นอกจากนี้ กมธ.ยังเห็นว่าการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ของนักการเมือง ยังมีความจำเป็น และควรเพิ่มโทษหากพบว่ามีความพยายามในการปกปิด ส่วนเงินบริจาค ทาง กมธ.เห็นว่าควรให้บริจาคโดยตรงกับพรรคการเมือง โดยจำนวนเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทนั้น ควรปรับปรุงเนื่องจากไม่สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ถือเป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น เพื่อเตรียมใช้สำหรับการพิจารณากฎหมายลูกที่ สนช.จะรับไม้ต่อมาพิจารณาจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)