วันนี้ (30 พ.ย.) เป็นวันที่ 33 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อยเดินทางมาต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ โดยในเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี
ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทั้งจากกรุงเทพฯ และจากต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศอย่างเนืองแน่น หลายคนยังมีอากาศโศกเศร้า แนบพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ไว้แนบอกตลอดเวลา ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
นางนาถนดา พุ่มสมบัติ อายุ 62 ปี อาชีพทำสวนผลไม้ พร้อมด้วยนางสมจิตร วิสุทธิรัตน์ อายุ 62 ปี อาชีพค้าขาย-ทำสวนผลไม้ นางมานะ เฉลิมพงษ์ อายุ 64 ปี อาชีพทำสวนผลไม้ ชาวบ้าน ม.1 ต.พริ้ว อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี เดินทางออกจากหมู่บ้านเมื่อเวลา 20.00 น. ถึงท้องสนามหลวงเวลา 01.00 น. และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพในเวลา 05.30 น. โดยทั้งสามร่วมกันกล่าวด้วยน้ำตาแห่งความอาลัย ว่า พูดถึงในหลวง ร.9 แล้วน้ำตาไหลทุกครั้ง รักพระองค์ท่านมาก ชาวจันทบุรีซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงพระราชทานแก้มลิงคลองภักดีรำไพ ซึ่งหลังจากมีคลองดังกล่าวแล้วทำให้น้ำไม่ท่วมบ้านอีกเลย อีกทั้งยังพระราชทานโครงการสร้างเขื่อนคีรีธาน ช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งให้เกษตรกรได้มีน้ำทำมาหากิน และยังพระราชทานฝนเทียมให้ทุกปี ที่ผ่านมาต่างก็น้อมนำหลักความพอเพียงของพระองค์มาใช้ในการดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์ด้วย
นอกจากนี้ ทั้งสามยังกล่าวเสริมว่า หลังจากที่ในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคต ชาว จ.จันทบุรี ก็มีกิจกรรมถวายความอาลัยอย่างต่อเนื่อง ทุกคนมีโอกาสก็เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยพวกตนจ่ายค่ารถมากันเอง วันที่ 22 ธันวาคมนี้ ก็จะเดินทางมากันอีก และในวันพระราชทานเพลิงพระบรมศพก็ตั้งใจจะเดินทางมาอีกเป็นครั้งสุดท้าย
ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทั้งจากกรุงเทพฯ และจากต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศอย่างเนืองแน่น หลายคนยังมีอากาศโศกเศร้า แนบพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ไว้แนบอกตลอดเวลา ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
นางนาถนดา พุ่มสมบัติ อายุ 62 ปี อาชีพทำสวนผลไม้ พร้อมด้วยนางสมจิตร วิสุทธิรัตน์ อายุ 62 ปี อาชีพค้าขาย-ทำสวนผลไม้ นางมานะ เฉลิมพงษ์ อายุ 64 ปี อาชีพทำสวนผลไม้ ชาวบ้าน ม.1 ต.พริ้ว อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี เดินทางออกจากหมู่บ้านเมื่อเวลา 20.00 น. ถึงท้องสนามหลวงเวลา 01.00 น. และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพในเวลา 05.30 น. โดยทั้งสามร่วมกันกล่าวด้วยน้ำตาแห่งความอาลัย ว่า พูดถึงในหลวง ร.9 แล้วน้ำตาไหลทุกครั้ง รักพระองค์ท่านมาก ชาวจันทบุรีซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงพระราชทานแก้มลิงคลองภักดีรำไพ ซึ่งหลังจากมีคลองดังกล่าวแล้วทำให้น้ำไม่ท่วมบ้านอีกเลย อีกทั้งยังพระราชทานโครงการสร้างเขื่อนคีรีธาน ช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งให้เกษตรกรได้มีน้ำทำมาหากิน และยังพระราชทานฝนเทียมให้ทุกปี ที่ผ่านมาต่างก็น้อมนำหลักความพอเพียงของพระองค์มาใช้ในการดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์ด้วย
นอกจากนี้ ทั้งสามยังกล่าวเสริมว่า หลังจากที่ในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคต ชาว จ.จันทบุรี ก็มีกิจกรรมถวายความอาลัยอย่างต่อเนื่อง ทุกคนมีโอกาสก็เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยพวกตนจ่ายค่ารถมากันเอง วันที่ 22 ธันวาคมนี้ ก็จะเดินทางมากันอีก และในวันพระราชทานเพลิงพระบรมศพก็ตั้งใจจะเดินทางมาอีกเป็นครั้งสุดท้าย