นายณรงค์ ลีนานนท์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยสถานการณ์น้ำลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ว่า เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ (11 ต.ค.) เขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,297 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สูงกว่าเมื่อวานนี้ที่ 2,269 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ปกติ เนื่องจากเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำได้สูงสุด 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สำหรับปริมาณน้ำเขื่อนภูมิพลมีปริมาณ 6,379 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุรวม เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำ 7,389 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุรวม และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำ 825 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 88 ของความจุรวม และทั้ง 3 เขื่อน มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างไม่มากนัก มีการระบายน้ำเท่าที่จำเป็น เพื่อกักเก็บไว้ใช้ช่วงฤดูแล้ง และมีพื้นที่ว่างเพียงพอที่จะรองรับน้ำจากฝนตกได้ทั้งหมด
ส่วนการผันน้ำลงสู่ทุ่งพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งเป็นพื้นที่การเกษตรต่างๆ จะใช้กรณีฉุกเฉินเท่านั้น และจะปล่อยน้ำลงสู่ทุ่งตามความต้องการของเกษตรกรเป็นหลัก ส่วนวันที่ 14-15 ตุลาคมนี้ ที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องหลายพื้นที่ ยืนยันว่า จะไม่รุนแรงเท่ากับวันที่ 4 - 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กรมชลประทานได้เตรียมแผนการระบายน้ำเก่าในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อรองรับน้ำใหม่ไว้แล้ว
ส่วนการผันน้ำลงสู่ทุ่งพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งเป็นพื้นที่การเกษตรต่างๆ จะใช้กรณีฉุกเฉินเท่านั้น และจะปล่อยน้ำลงสู่ทุ่งตามความต้องการของเกษตรกรเป็นหลัก ส่วนวันที่ 14-15 ตุลาคมนี้ ที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องหลายพื้นที่ ยืนยันว่า จะไม่รุนแรงเท่ากับวันที่ 4 - 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กรมชลประทานได้เตรียมแผนการระบายน้ำเก่าในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อรองรับน้ำใหม่ไว้แล้ว