นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงภายหลังการประชุม กกต. ว่า ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเสร็จสิ้นแล้ว และส่งให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) พิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญว่า ตั้งยาก อยู่ยาก และยุบยาก หมายถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองมีความประสงค์ให้เป็นสถาบันมีความต่อเนื่อง จึงมีการกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ เช่น ต้องมีสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 5,000 คน และมีสาขาพรรคอย่างน้อยภาคละ 1 สาขา ส่วนพรรคการเมืองเดิมที่มีอยู่ยังมีต่อเนื่อง ไม่มีการเซ็ตซีโร่หรือยุบพรรคเดิม เพื่อจดทะเบียนพรรคใหม่
นอกจากนี้ ยังมีกลไกสนับสนุนการทำงานพรรคการเมือง เช่น การให้สมาชิกเสียค่าบำรุงรายปีไม่น้อยกว่า 200 บาทต่อคนต่อปี เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้พรรคการเมือง โดยประชาชนทั่วไปสามารถบริจาคเงินภาษีรายได้บุคคลธรรมดาให้พรรคการเมืองได้ปีละ 500 บาท ส่วนผู้ประสงค์บริจาคก็สามารถลดหย่อนภาษีได้เป็นสองเท่าของเงินบริจาคแต่ไม่เกิน 50,000 บาทในกรณีเป็นบุคคลธรรม และไม่เกิน 200,000 บาทในกรณีเป็นนิติบุคคล
สำหรับการสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมืองนั้น กำหนดให้พรรคการเมืองต้องมีข้อบังคับ ห้ามมิให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคกระทำการใดๆ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมหรือยินยอมให้บุคคลซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคการเมือง กระทำการอันเป็นการครอบงำหรือชี้นำ การดำเนินกิจการโดยอิสระของพรรคการเมือง และกำหนดให้สาขาพรรคมีส่วนร่วมในการพิจารณาและเสนอชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ หรือที่เรียกว่าไพรมารีโหวต โดยให้คำนึงถึงสัดส่วนของชายและหญิงด้วย แต่ในส่วนนี้มีบทเฉพาะกาลกำหนดว่าภายใน 2 ปีนับแต่ประกาศใช้กฎหมายนี้ ยังไม่ให้นำหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้สมัครจากกรณีนี้มาบังคับใช้ และให้พรรคการเมืองตามกฎหมายเดิมเป็นพรรคการเมืองตามกฎหมายนี้ต่อไป
ส่วนการกำหนดนโยบายพรรคการเมืองที่จะให้ในการโฆษณาของพรรคการเมือง ให้คำนึงถึงความเห็นของที่ประชุมสาขาพรรค และก่อนประกาศนโยบายเพื่อใช้ในการประกาศโฆษณาดังกล่าว พรรคการเมืองต้องจัดทำการวิเคราะห์ผลกระทบ ความคุ้มค่า และความเสี่ยงของนโยบายนั้น และส่งให้ กกต.เพื่อเผยแพร่ให้สาธารณชนรับทราบ หากพรรคการเมืองไม่ดำเนินการแต่ได้ประกาศโฆษณานโยบายดังกล่าว กกต.มีอำนาจสั่งระงับการโฆษณานโยบายนั้นได้ และมีบทลงโทษกรณีที่พรรคการเมืองฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้พรรคการเมืองต้องมีความรอบคอบและรับผิดชอบต่อประชาชน ไม่ใช่แค่หาเสียงด้วยนโยบายแค่ประโยคเดียว
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นที่บอกว่าพรรคการเมืองจะยุบยาก คือ การจะยุบพรรค จะต้องมีเหตุร้ายแรง คือกระทำการล้มล้างหรือกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีการกำหนดเหตุแห่งการสิ้นสภาพพรรคการเมืองเอาไว้เปลี่ยนแปลงจากเดิม คือ ถ้าไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง 2 ครั้ง หรือเป็นเวลา 8 ปีติดต่อกัน สุดแต่ระยะเวลาใดจะยาวกว่ากัน จะเป็นเหตุให้สิ้นสภาพพรรคการเมือง ถ้ามีการเลือกตั้งทั่วไปแล้วพรรคการเมืองไม่ส่งผู้สมัครก็เป็นเหตุให้สิ้นสภาพได้แล้ว ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาเรื่องพรรคการเมืองบอยคอตไม่ลงเลือกตั้ง นอกจากนี้มีการเปลี่ยนโทษปรับทางปกครองเป็นโทษทางอาญาทั้งหมด
ในส่วนของพรรคการเมือง หากมีความเห็นในเรื่องนี้ ควรเสนอไปยัง กรธ.อย่างเป็นทางการเพื่อพิจารณาประกอบ ซึ่ง กรธ.มีสิทธิที่จะไม่เอาตามที่ กกต.ส่งไปเลยก็ได้ ร่างกฎหมายของเราเป็นเพียงแค่ต้นเรื่อง ส่วนผลจะออกมาอย่างไร อยู่ที่ กรธ.ว่าจะเขียนอย่างไร
ขณะที่ประกอบรัฐธรรมนูญอีก 3 ฉบับนั้น มีปฏิทินในการพิจารณาเรียงลำดับ คือ ในวันที่ 13 กันยายน พิจารณากฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ส. วันที่ 20 กันยายน พิจารณากฎหมาย กกต. และในวันที่ 27 กันยายน จะพิจารณากฎหมายการได้มาซึ่ง ส.ว. โดยถือว่าการพิจารณากฎหมายเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญในการทำงานของ กกต.ขณะนี้
นอกจากนี้ ยังมีกลไกสนับสนุนการทำงานพรรคการเมือง เช่น การให้สมาชิกเสียค่าบำรุงรายปีไม่น้อยกว่า 200 บาทต่อคนต่อปี เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้พรรคการเมือง โดยประชาชนทั่วไปสามารถบริจาคเงินภาษีรายได้บุคคลธรรมดาให้พรรคการเมืองได้ปีละ 500 บาท ส่วนผู้ประสงค์บริจาคก็สามารถลดหย่อนภาษีได้เป็นสองเท่าของเงินบริจาคแต่ไม่เกิน 50,000 บาทในกรณีเป็นบุคคลธรรม และไม่เกิน 200,000 บาทในกรณีเป็นนิติบุคคล
สำหรับการสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมืองนั้น กำหนดให้พรรคการเมืองต้องมีข้อบังคับ ห้ามมิให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคกระทำการใดๆ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมหรือยินยอมให้บุคคลซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคการเมือง กระทำการอันเป็นการครอบงำหรือชี้นำ การดำเนินกิจการโดยอิสระของพรรคการเมือง และกำหนดให้สาขาพรรคมีส่วนร่วมในการพิจารณาและเสนอชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ หรือที่เรียกว่าไพรมารีโหวต โดยให้คำนึงถึงสัดส่วนของชายและหญิงด้วย แต่ในส่วนนี้มีบทเฉพาะกาลกำหนดว่าภายใน 2 ปีนับแต่ประกาศใช้กฎหมายนี้ ยังไม่ให้นำหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้สมัครจากกรณีนี้มาบังคับใช้ และให้พรรคการเมืองตามกฎหมายเดิมเป็นพรรคการเมืองตามกฎหมายนี้ต่อไป
ส่วนการกำหนดนโยบายพรรคการเมืองที่จะให้ในการโฆษณาของพรรคการเมือง ให้คำนึงถึงความเห็นของที่ประชุมสาขาพรรค และก่อนประกาศนโยบายเพื่อใช้ในการประกาศโฆษณาดังกล่าว พรรคการเมืองต้องจัดทำการวิเคราะห์ผลกระทบ ความคุ้มค่า และความเสี่ยงของนโยบายนั้น และส่งให้ กกต.เพื่อเผยแพร่ให้สาธารณชนรับทราบ หากพรรคการเมืองไม่ดำเนินการแต่ได้ประกาศโฆษณานโยบายดังกล่าว กกต.มีอำนาจสั่งระงับการโฆษณานโยบายนั้นได้ และมีบทลงโทษกรณีที่พรรคการเมืองฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้พรรคการเมืองต้องมีความรอบคอบและรับผิดชอบต่อประชาชน ไม่ใช่แค่หาเสียงด้วยนโยบายแค่ประโยคเดียว
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นที่บอกว่าพรรคการเมืองจะยุบยาก คือ การจะยุบพรรค จะต้องมีเหตุร้ายแรง คือกระทำการล้มล้างหรือกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีการกำหนดเหตุแห่งการสิ้นสภาพพรรคการเมืองเอาไว้เปลี่ยนแปลงจากเดิม คือ ถ้าไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง 2 ครั้ง หรือเป็นเวลา 8 ปีติดต่อกัน สุดแต่ระยะเวลาใดจะยาวกว่ากัน จะเป็นเหตุให้สิ้นสภาพพรรคการเมือง ถ้ามีการเลือกตั้งทั่วไปแล้วพรรคการเมืองไม่ส่งผู้สมัครก็เป็นเหตุให้สิ้นสภาพได้แล้ว ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาเรื่องพรรคการเมืองบอยคอตไม่ลงเลือกตั้ง นอกจากนี้มีการเปลี่ยนโทษปรับทางปกครองเป็นโทษทางอาญาทั้งหมด
ในส่วนของพรรคการเมือง หากมีความเห็นในเรื่องนี้ ควรเสนอไปยัง กรธ.อย่างเป็นทางการเพื่อพิจารณาประกอบ ซึ่ง กรธ.มีสิทธิที่จะไม่เอาตามที่ กกต.ส่งไปเลยก็ได้ ร่างกฎหมายของเราเป็นเพียงแค่ต้นเรื่อง ส่วนผลจะออกมาอย่างไร อยู่ที่ กรธ.ว่าจะเขียนอย่างไร
ขณะที่ประกอบรัฐธรรมนูญอีก 3 ฉบับนั้น มีปฏิทินในการพิจารณาเรียงลำดับ คือ ในวันที่ 13 กันยายน พิจารณากฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ส. วันที่ 20 กันยายน พิจารณากฎหมาย กกต. และในวันที่ 27 กันยายน จะพิจารณากฎหมายการได้มาซึ่ง ส.ว. โดยถือว่าการพิจารณากฎหมายเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญในการทำงานของ กกต.ขณะนี้