นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ต้องจับตาดูนโยบายรัฐบาลใหม่ของประเทศฟิลิปปินส์หลังผ่านการเลือกตั้งและจะมีประธานาธิบดีคนใหม่เร็ว ๆ นี้ ว่าจะมีการประกาศนโยบายเปลี่ยนแปลงวิธีการประมูลข้าวของรัฐบาลชุดก่อนหรือไม่ แต่เท่าที่ติดตามแนวทางของประธานาธิบดีคนใหม่เคยประกาศไว้ในช่วงหาเสียงว่าจะป้องกันปัญหาการทุจริตทุกรูปแบบ โดยจะปรับวิธีการประมูลข้าวที่ฟิลิปปินส์เคยเปิดประมูลให้เอกชนต่อเอกชนของประเทศต่างๆ เสนอราคาประมูลเข้ามา หากเอกชนประเทศใดเสนอราคาดีก็จะชนะการประมูล และประมูลแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยแต่ละปีฟิลิปปินส์มีความต้องการซื้อข้าวมากขึ้นกว่า 1-1.5 ล้านตัน ดังนั้น หลังจากรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ จะมีการปรับวิธีการประมูลเหลือเพียงจีทูจีอย่างเดียวแทน คาดว่าฟิลิปปินส์จะเปิดประมูลจีทูจีข้าวในช่วงที่เหลือของปีนี้อีกไม่ต่ำกว่า 500,000 ตัน และจากปัญหาผลกระทบภัยแล้งทั่วโลกในช่วงก่อนสิ้นปีนี้ อาจเป็นไปได้ที่ฟิลิปปินส์จะประกาศนำเข้าข้าวเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน เพื่อเก็บไว้เป็นความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
อย่างไรก็ตาม เอกชนมองว่า หากฟิลิปปินส์เปิดประมูลข้าวเป็นจีทูจีเพียงอย่างเดียว ถือเป็นโอกาสและข่าวดีของประเทศไทยที่จะขายข้าว แม้ฟิลิปปินส์จะเน้นข้าวใหม่เป็นหลัก จะทำให้ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับที่ดีมาก แต่ต้องดูนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ก่อนว่าจะมีแนวทางอย่างไร รวมทั้งสิ่งที่เอกชนไทยกังวลจากปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะทำให้ผลผลิตข้าวของไทยโดยรวมในช่วงที่ผ่านมาลดน้อยลงไปบ้าง ส่งผลให้ราคาข้าวไทยโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น เช่น ข้าวขาวเฉลี่ยอยู่ที่ 420 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือจากราคา 11-12 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มเป็น 13-14.50 บาทต่อกิโลกรัม และข้าวเปลือกเฉลี่ยอยู่ที่ 9,000-10,500 บาทต่อตัน ซึ่งราคาข้าวขาวดังกล่าวทำให้เกษตรกร โรงสี และผู้ส่งออกข้าวต่างพอใจ แต่ยอมรับว่าราคาข้าวขาวของไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม ซึ่งข้าวขาวเฉลี่ยอยู่ที่ 370 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยมีราคาห่างกันถึงตันละ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ดังนั้น การขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์แบบจีทูจี คงต้องขึ้นอยู่กับหน่วยงานภาครัฐของไทยที่จะไปเจรจาต่อรองขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์ว่าจะเลือกซื้อข้าวจากไทยหรือไม่ในช่วงที่ข้าวไทยมีราคาสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม เอกชนมองว่า หากฟิลิปปินส์เปิดประมูลข้าวเป็นจีทูจีเพียงอย่างเดียว ถือเป็นโอกาสและข่าวดีของประเทศไทยที่จะขายข้าว แม้ฟิลิปปินส์จะเน้นข้าวใหม่เป็นหลัก จะทำให้ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับที่ดีมาก แต่ต้องดูนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ก่อนว่าจะมีแนวทางอย่างไร รวมทั้งสิ่งที่เอกชนไทยกังวลจากปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะทำให้ผลผลิตข้าวของไทยโดยรวมในช่วงที่ผ่านมาลดน้อยลงไปบ้าง ส่งผลให้ราคาข้าวไทยโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น เช่น ข้าวขาวเฉลี่ยอยู่ที่ 420 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือจากราคา 11-12 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มเป็น 13-14.50 บาทต่อกิโลกรัม และข้าวเปลือกเฉลี่ยอยู่ที่ 9,000-10,500 บาทต่อตัน ซึ่งราคาข้าวขาวดังกล่าวทำให้เกษตรกร โรงสี และผู้ส่งออกข้าวต่างพอใจ แต่ยอมรับว่าราคาข้าวขาวของไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม ซึ่งข้าวขาวเฉลี่ยอยู่ที่ 370 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยมีราคาห่างกันถึงตันละ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ดังนั้น การขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์แบบจีทูจี คงต้องขึ้นอยู่กับหน่วยงานภาครัฐของไทยที่จะไปเจรจาต่อรองขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์ว่าจะเลือกซื้อข้าวจากไทยหรือไม่ในช่วงที่ข้าวไทยมีราคาสูงขึ้น