เอกชน 51 รายแห่ยื่นซองคุณสมบัติประมูลข้าว 1.2 ล้านตัน “พาณิชย์” คาดขายได้มาก และได้ราคาดี หลังความต้องการพุ่งจากภัยแล้ง ส่วนยอดส่งออกก็ดีขึ้น ล่าสุดส่งไปแล้ว 3.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 18% ด้านผู้ส่งออกย้ำประมูลรอบนี้คึกคักหลังทุกคนต้องการข้าว ระบุราคาดีดขึ้นสูงสุดรอบ 2 ปี
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า วันนี้ (17 พ.ค.) กรมฯ ได้เปิดให้ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 3/2559 ปริมาณ 1.2 ล้านตัน ยื่นเอกสารเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ โดยมีผู้ประกอบการสนใจยื่นเอกสารรวม 51 ราย ซึ่งถือว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะขณะนี้ตลาดมีความต้องการข้าวเพิ่มขึ้น หลังจากที่ผลผลิตในประเทศออกสู่ตลาดหมดแล้ว และแนวโน้มผลผลิตน่าจะลดลงจากปัญหาภัยแล้ง โดยจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติในวันที่ 19 พ.ค. 2559 และให้ยื่นซองเสนอราคาในวันเดียวกัน
“เชื่อว่าการประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาลรอบนี้จะสามารถระบายข้าวออกไปได้เป็นจำนวนมาก และได้ราคาดี จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น แต่ราคาอาจไม่สูงเท่ากับราคาในตลาด เนื่องจากข้าวในสต๊อกรัฐบาลเป็นข้าวเก่า จึงมีการหักค่าเสื่อมสภาพลงด้วย”
ทั้งนี้ หลังจากการเปิดประมูลครั้งนี้จะทำให้ปริมาณข้าวในสต๊อกรัฐบาลจะคงเหลืออยู่อีกกว่า 11.4 ล้านตัน โดย 7 ล้านตันเป็นข้าวที่จะสามารถเปิดประมูลเป็นการทั่วไปได้ ส่วนที่เหลือจะเปิดระบายเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม โดยการเปิดประมูลครั้งต่อไปยังไม่ได้กำหนด แต่จะมีการประเมินสภาวะตลาดก่อนที่จะเปิดประมูลเพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาข้าวในประเทศและผลผลิตฤดูกาลใหม่ที่จะออกมา
สำหรับการส่งออกข้าวไทยมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ซื้อต่างประเทศได้กลับเข้ามาซื้อข้าวไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การส่งออกข้าวตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 16 พ.ค. 2559 ไทยสามารถส่งออกข้าวได้ปริมาณ 3.912 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 18% โดยมีมูลค่า 60,997 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.85%
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การเปิดประมูลข้าวรอบนี้ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทั้งผู้ส่งออก โรงสี และผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ เพราะต้องการหาซื้อข้าวในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด จึงถือเป็นการระบายในจังหวะที่เหมาะสม เพราะข้าวในตลาดมีน้อย และยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะข้าวส่งออก ทำให้ราคาภาพรวมปรับตัวสูงสุดในรอบ 2 ปี จากปริมาณผลผลิตที่ลดลงจากภัยแล้งทำให้ราคาปรับตัวขึ้น ข้าวหอมมะลิอยู่ที่ตันละ 795 เหรียญสหรัฐ ข้าวเหนียวอยู่ที่ตันละ 900 เหรียญสหรัฐ และข้าวขาวตันละ 439 เหรียญสหรัฐ โดยเห็นว่าหลังจากนี้รัฐบาลควรเร่งระบายข้าวอีก 2-3 ครั้ง ก่อนที่ผลผลิตฤดูใหม่จะออกสู่ตลาด
ส่วนความต้องการข้าวเหนียวที่เพิ่มขึ้น และทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นนั้น มาจากตลาดมีความต้องการเพิ่มขึ้น ทั้งจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่ซื้อเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนถือศีลอด ขณะที่ผลผลิตข้าวเหนียวในประเทศลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากเกษตรกรหันมาปลูกข้าวหอมมะลิมากขึ้น