“ประยุทธ์” ปัดย้ายข้างไทยจับมือรัสเซีย - ปฏิเสธออกร่าง รธน.ให้ยากเพื่อไม่ให้ผ่าน

นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวร่วมกับ “ดมิทรี เมดเวเดฟ” ในโอกาสเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ เผย กระชับสัมพันธ์ทางการทูต ลงนาม 11 บริษัทลงทุนในไทย ปัดฝุ่นรูทมอสโกสิ้นปีนี้ หนุนขายสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง ย้ำ ไม่ใช่การเลือกข้าง และไม่มีการซื้อเฮลิคอปเตอร์ หรือ อาวุธ แจงเปิดสัมมนาร่างรัฐธรรมนูญ ต้องการให้พูดออกมาแล้วไปแยกแยะ ปฏิเสธออกร่างรัฐธรรมนูญให้ยากเพื่อไม่ให้ผ่านประชามติ ชี้ ถ้ารับไม่ได้ก็ต้องทบทวนและร่างใหม่

วันนี้ (19 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายรัฐมนตรี เดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 17 - 18 พ.ค. ว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค. เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรี หารือกลุ่มเล็กกับ นายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ณ Boris Yeltsin Presidential Library จากนั้นเป็นการหารือเต็มคณะ พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงภาครัฐ 6 ฉบับ และภาคเอกชน 8 ฉบับ ซึ่งครอบคลุมด้านการเกษตร การประมง การทหาร การแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน ด้านพลังงาน และ การส่งเสริมความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งจะช่วยสร้างเครือข่ายธุรกิจการค้าระหว่าง SME ของทั้งสองประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ แถลงข่าวร่วมกับนายดิมิทรี ภายหลังการหารือร่วมกัน ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเดินหน้าการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในหลากหลายกิจกรรม ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายมีความมุ่งมั่นที่จะขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าจะผลักดันให้เพิ่มขึ้น 5 เท่า ภายใน 5 ปี และในการเดินทางเยือนรัสเซียของนายกรัฐมนตรีไทยครั้งนี้ ได้มีการลงนามเอกสารของบริษัทต่าง ๆ ถึง 11 บริษัท มีมูลค่าการลงทุนถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ไทยเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนในการเข้ามาลงทุนในรัสเซีย

นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากขึ้น โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะเปิดเที่ยวบินตรงมายังกรุงมอสโกอีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายนนี้ พร้อมสนับสนุนรัสเซียที่เสนอขายสินค้าอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของภาคอุตสาหกรรมไทย ที่จะมีแหล่งเครื่องจักร อุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยไทยเสนอให้รัสเซียซื้อสินค้าการเกษตรและข้าวจากไทยให้มากขึ้น เพื่อความมั่นคงทางอาหารของรัสเซีย

นายกรัฐมนตรีไทยได้ย้ำถึงความสำคัญที่ไทยให้กับรัสเซีย โดยเฉพาะในการเดินทางเยือนครั้งนี้ ได้นำรัฐมนตรีร่วมคณะมาด้วยถึง 7 คน เรียกได้ว่าเป็นการประชุม ครม. ย่อยชุดเล็กอย่างไม่เป็นทางการระหว่างไทย - รัสเซีย พร้อมกับแสดงความหวังว่า การลงนามต่าง ๆ ในครั้งนี้ จะนำไปสู่การปฏิบัติโดยเร็ว

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงข่าวร่วม ว่า มีความคาดหวังกับการเดินทางมาเยือนรัสเซียในครั้งนี้ค่อนข้างมาก เพราะเรามีความสัมพันธ์กันมายาวนาน แต่ขาดความต่อเนื่อง จึงใช้โอกาสที่จะครบรอบ 120 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต มากระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น ประกอบกับได้พบกับนายกรัฐมนตรีรัสเซียมาหลายครั้ง มีการพูดคุยต่อเนื่อง มาครั้งนี้จึงได้สานต่อสิ่งพุดคุยกันให้ไปสู่การปฏิบัติ “การมาเยือนรัสเซียครั้งนี้ ไม่ใช่การเลือกข้าง หรือ เปลี่ยนนโยบายทางการทูต เราไม่เคยเลือกข้าง เราเป็นประเทศเสรี การมาครั้งนี้ ก็เป็นคำตอบหนึ่ง เพราะเราคุยเรื่องเดียวกันกับประเทศต่าง ๆ ทั้งหมดจึงเป็นทางเลือกของเรา การแข่งขันต้องเสรี แต่ความสัมพันธ์ที่ดีก็ต้องมีด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้ ไม่มีการเจรจาซื้อเฮลิคอปเตอร์ หรือ อาวุธตามที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต แต่ยอมรับว่า เป็นหนึ่งในเรื่องการพูดคุยเกี่ยวกับความมั่นคง ที่กองทัพจะต้องไปพิจารณาในรายละเอียด ทั้งเรื่องของงบประมาณ ความจำเป็น และความคุ้มค่า ที่จะต้องสามารถใช้ร่วมกันได้ในหลายหน่วยงาน และหากจะมีการซื้ออาวุธ ก็จะทำแบบรัฐต่อรัฐ ไม่มีเรื่องเงินใต้โต๊ะ จึงอย่าตั้งธงว่าจะมีการทุจริตเกิดขึ้น นอกจากนี้ เรายังจะใช้เรื่องของการค้าตอบแทนเข้ามาดำเนินการด้วย “การมาครั้งนี้มีการลงนามมากกว่า 10 ฉบับ แต่ไม่ได้เสียเงินเลยสักบาท” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวให้กำลังใจทีมนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่พ่ายให้กับทีมชาติญี่ปุ่น ในการแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อคว้าสิทธิไปแข่งขันโอลิมปิก ว่า การแข่งขันย่อมมีแพ้และชนะ บางครั้งก็อาจพลาดบ้าง เป็นธรรมดาของกีฬา ที่ผ่านมา ได้ติดตามและให้กำลังใจมาโดยตลอด แพ้วันนี้ ก็ชนะได้ในวันหน้า แต่เมื่อแพ้มาแล้ว ก็ควรกลับมาทบทวนว่าแพ้เพราะอะไร อาจต้องไปดูเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา จิตวิทยา หรือ อาจจะต้องหานักกีฬาที่มีสรีระเหมาะสมกับประเภทของกีฬา และว่า การรักษาแชมป์ยากกว่าการได้แชมป์

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ กกต. จัดสัมมนาเปิดให้ตัวแทนพรรคการเมือง และกลุ่มการเมือง มาแสดงความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญวันนี้ (19 พ.ค.) ว่า เป็นเรื่องที่คิดไว้นานแล้ว แต่รอเวลาที่เหมาะสม จึงค่อยดำเนินการ ไม่จำเป็นต้องพูดล่วงหน้า ไม่ได้บิดบัง ซ้อนเร้น

ทั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้พูดได้ในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการเมือง ความขัดแย้ง คดีความ เพื่อที่จะได้รู้แนวคิดของแต่ละคน รับฟังไว้และแก้ปัญหา แต่ต้องฟังความเห็นของคนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย เพราะคนที่เดือดร้อนและมีคดีความมีไม่กี่คน แต่มาทำให้คนทั้งประเทศสับสน เอาคนมาบิดเบือนเนื้อหา ค้านกับกฎหมาย ซึ่งทำไม่ได้ จะต้องใช้กฎหมายตัดสิน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นครั้งนี้ ไม่ได้มีใครกดดัน แต่ต้องการให้พูดออกมา และให้คนฟังไปแยกแยะเอง จะได้รู้ว่าเขาคิดอะไร และส่วนตัวไม่เคยสั่งว่า ร่างรัฐธรรมนูญจะต้องผ่านหรือไม่ผ่านประชามติ

“อย่ามาบอกว่า ผมให้ออกกฎหมายให้ยาก เพื่อไม่ให้ผ่าน ผมจะทำทำไม จะต้องเห็นใจคนร่าง ที่เขาต้องการร่างให้ออกมาดี แต่ถ้าคนไทยรับไม่ได้ ก็ต้องทบทวนและร่างใหม่ ถ้าผ่านก็นำไปสู่การเลือกตั้ง แต่ถ้าถามว่า จะเลือกตั้งได้หรือไม่ ผมตอบไม่ได้ เพราะยังไปไม่ถึงก็เริ่มมีการต่อต้านแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว