นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนเมษายน 2559 ว่าการส่งออกเดือนเมษายน 2559 มีมูลค่า 15,545 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 8 จากปีก่อน เนื่องจากเดือน เมษายน มีวันหยุดยาวหลายวัน ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้คู่ค้าของไทยนำเข้าสินค้าน้อยลง รวมถึงราคาสินค้าเกษตรยังตกต่ำ ราคาน้ำมันที่เฉลี่ยในระดับต่ำที่ 39 เหรียญต่อบาร์เรลยังส่งผลต่อราคาสินค้า และกำลังซื้อของหลายประเทศ ขณะที่ช่วง 4 เดือน มกราคม - เมษายน 2559 ส่งออกมีมูลค่า 69,374 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.24 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับในเดือนเมษายน 2559 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรลดลงร้อยละ 2.8 จากการส่งออกข้าวที่ลดลงร้อยละ 11.5 น้ำตาล ส่งออกลดลงร้อยละ 15.8 ซึ่งลดลงทั้งมูลค่า และปริมาณ ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 7.8 จากการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ ที่ลดลงร้อยละ 9.7 โดยเฉพาะการหดตัวการส่งออกรถปิ๊กอัพ รถบัส และรถบรรทุก ที่ลดลงถึงร้อยละ 54.2 ตามราคาน้ำมันที่ลดลง
ทั้งนี้ การส่งออกในปี 2559 นี้ จะไม่เลวร้ายกว่าปีก่อนแน่นอน ซึ่งทั้งปียังตั้งเป้าส่งออกไว้ที่ร้อยละ 5 แม้จะเป็นไปได้ยากแต่ก็จะต้องร่วมมือกัน อีกทั้งมีแรกขัยเคลื่อนจากหลายส่วน โดยเดือนที่เหลือจากนี้หากส่งออกได้เดือนละ 19,400 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้ส่งออกขยายตัวได้ตามเป้าร้อยละ 5 แต่หากส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 18,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งออกจะขยายตัวได้ที่ร้อยละ 2.5 อย่างไรก็ตามเพื่อให้การส่งออกสามารถขยายตัวตามเป้าหมาย ได้ขับเคลื่อนการส่งออก ผ่านการขยายการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เร่งรัดตลาดส่งออกในเชิงรุก ส่งเสริมการค้าบริการ และส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมทั้งร่วมผลักดันและแก้ปัญหาทางการค้าระหว่างรัฐ และเอกชน
สำหรับการนำเข้าในเดือนเมษายนมีมูลค่า 14,824 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 14.92 ส่งผลให้ไทยยังเกินดุลการค้าอยู่ที่ 721 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 4 เดือน การนำเข้าของไทยมีมูลค่า 60,464 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.73 ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 8,910 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการขอรับการส่งเสริมการลงทุนของไทยในเดือนเมษายน มีโครงการขอรับการส่งเสริมจำนวน 90 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีเงินลงทุนรวม 111,660 ล้านบาท ส่งผล 4เดือนแรก มีโครงการขอรับการส่งเสริม รวม 398 โครงการ รวมเป็นเงินบงทุน 200,520 ล้านบาท ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศ หรือ FDI ในช่วง 4 เดือนแรก มีมูลค่า 57,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 852 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ญี่ปุ่น มีการลงทุนสูงสุด
สำหรับในเดือนเมษายน 2559 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรลดลงร้อยละ 2.8 จากการส่งออกข้าวที่ลดลงร้อยละ 11.5 น้ำตาล ส่งออกลดลงร้อยละ 15.8 ซึ่งลดลงทั้งมูลค่า และปริมาณ ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 7.8 จากการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ ที่ลดลงร้อยละ 9.7 โดยเฉพาะการหดตัวการส่งออกรถปิ๊กอัพ รถบัส และรถบรรทุก ที่ลดลงถึงร้อยละ 54.2 ตามราคาน้ำมันที่ลดลง
ทั้งนี้ การส่งออกในปี 2559 นี้ จะไม่เลวร้ายกว่าปีก่อนแน่นอน ซึ่งทั้งปียังตั้งเป้าส่งออกไว้ที่ร้อยละ 5 แม้จะเป็นไปได้ยากแต่ก็จะต้องร่วมมือกัน อีกทั้งมีแรกขัยเคลื่อนจากหลายส่วน โดยเดือนที่เหลือจากนี้หากส่งออกได้เดือนละ 19,400 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้ส่งออกขยายตัวได้ตามเป้าร้อยละ 5 แต่หากส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 18,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งออกจะขยายตัวได้ที่ร้อยละ 2.5 อย่างไรก็ตามเพื่อให้การส่งออกสามารถขยายตัวตามเป้าหมาย ได้ขับเคลื่อนการส่งออก ผ่านการขยายการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เร่งรัดตลาดส่งออกในเชิงรุก ส่งเสริมการค้าบริการ และส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมทั้งร่วมผลักดันและแก้ปัญหาทางการค้าระหว่างรัฐ และเอกชน
สำหรับการนำเข้าในเดือนเมษายนมีมูลค่า 14,824 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 14.92 ส่งผลให้ไทยยังเกินดุลการค้าอยู่ที่ 721 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 4 เดือน การนำเข้าของไทยมีมูลค่า 60,464 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.73 ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 8,910 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการขอรับการส่งเสริมการลงทุนของไทยในเดือนเมษายน มีโครงการขอรับการส่งเสริมจำนวน 90 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีเงินลงทุนรวม 111,660 ล้านบาท ส่งผล 4เดือนแรก มีโครงการขอรับการส่งเสริม รวม 398 โครงการ รวมเป็นเงินบงทุน 200,520 ล้านบาท ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศ หรือ FDI ในช่วง 4 เดือนแรก มีมูลค่า 57,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 852 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ญี่ปุ่น มีการลงทุนสูงสุด
