นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศเดือนมีนาคม 2559 ว่า การส่งออกเดือนมีนาคม 2559 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ถือเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่มีตัวเลขการส่งออกขยายตัวเป็นบวกเป็นเดือนที่ 2 มีมูลค่า 19,125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 1.30 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน และระยะ 3 เดือน (ม.ค. – มี.ค. 59) มีมูลค่า 53,829 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 0.90 แต่หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและทองคำ มูลค่าส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 1.4
ขณะที่การนำเข้าเดือนมีนาคม 2559 มีมูลค่า 16,159 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ 6.94 และระยะ 3 เดือน (ม.ค. – มี.ค. 59) มีมูลค่า 45,640 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ 11.99 ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือนมีนาคม 2559 ยังคงเกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันมีมูลค่า 2,966 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และระยะ 3 เดือน (ม.ค. – มี.ค.) เกินดุล 8,189 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ สินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะรถยนต์ เครื่องจักรกล และทองคำ อีกทั้งการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหลายรายการมีแนวโน้มการส่งออกดีจากการขยายตัวด้านปริมาณ แต่ยังคงเผชิญกับปัจจัยราคาที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้มูลค่าขยายตัวต่ำกว่าปริมาณส่งออกที่เพิ่มขึ้น แต่ยังคงต้องจับตาสถานการณ์การค้าโลกที่ยังคงผันผวนอย่างใกล้ชิด จากสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยมีสถานการณ์ดีกว่าประเทศอื่นมาก แสดงว่าไทยยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดในตลาดและสินค้าส่งออกสำคัญไว้ได้ สะท้อนให้เห็นว่าความสามารถทางการแข่งขันของไทยยังอยู่ระดับที่ดี อีกทั้งข้อมูลการนำเข้าของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยเริ่มมีสถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การส่งออกไทยฟื้นตัวชัดเจนขึ้นระยะต่อไป โดยกระทรวงพาณิชย์ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเลขการส่งออกของไทยเริ่มกลับมาดีขึ้นและน่าจะทำให้การส่งออกทั้งปีขยายตัวเป็นบวกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ตามเป้าหมายกระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ แม้หลายสำนักจะมองว่าขยายตัวติดลบก็ตาม
ทั้งนี้ เท่าที่ได้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยขณะนี้ถือว่าผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกกลับมาเป็นบวก การลงทุนผ่านการส่งเสริมการลงทุนมีอัตราการขยายตัวดีขึ้นและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกเดือน ดังนั้น ทั้ง 3 เสาหลักดังกล่าวหากฟื้นตัวและไปในทิศทางเดียวกันเชื่อว่าทิศทางการค้าของไทยจะเห็นการเติบโตดีขึ้นหลังจากนี้ไป รวมถึงขณะนี้ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับปัญหาราคาน้ำมัน เพราะเชื่อว่าราคาน้ำมันจะไม่ผันผวนมากกว่านี้ จึงทำให้หลายประเทศกำหนดทิศทางการค้าการลงทุนได้ตรงตามเป้าหมายด้วยเช่นกัน
ขณะที่การนำเข้าเดือนมีนาคม 2559 มีมูลค่า 16,159 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ 6.94 และระยะ 3 เดือน (ม.ค. – มี.ค. 59) มีมูลค่า 45,640 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ 11.99 ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือนมีนาคม 2559 ยังคงเกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันมีมูลค่า 2,966 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และระยะ 3 เดือน (ม.ค. – มี.ค.) เกินดุล 8,189 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ สินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะรถยนต์ เครื่องจักรกล และทองคำ อีกทั้งการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหลายรายการมีแนวโน้มการส่งออกดีจากการขยายตัวด้านปริมาณ แต่ยังคงเผชิญกับปัจจัยราคาที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้มูลค่าขยายตัวต่ำกว่าปริมาณส่งออกที่เพิ่มขึ้น แต่ยังคงต้องจับตาสถานการณ์การค้าโลกที่ยังคงผันผวนอย่างใกล้ชิด จากสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยมีสถานการณ์ดีกว่าประเทศอื่นมาก แสดงว่าไทยยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดในตลาดและสินค้าส่งออกสำคัญไว้ได้ สะท้อนให้เห็นว่าความสามารถทางการแข่งขันของไทยยังอยู่ระดับที่ดี อีกทั้งข้อมูลการนำเข้าของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยเริ่มมีสถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การส่งออกไทยฟื้นตัวชัดเจนขึ้นระยะต่อไป โดยกระทรวงพาณิชย์ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเลขการส่งออกของไทยเริ่มกลับมาดีขึ้นและน่าจะทำให้การส่งออกทั้งปีขยายตัวเป็นบวกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ตามเป้าหมายกระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ แม้หลายสำนักจะมองว่าขยายตัวติดลบก็ตาม
ทั้งนี้ เท่าที่ได้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยขณะนี้ถือว่าผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกกลับมาเป็นบวก การลงทุนผ่านการส่งเสริมการลงทุนมีอัตราการขยายตัวดีขึ้นและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกเดือน ดังนั้น ทั้ง 3 เสาหลักดังกล่าวหากฟื้นตัวและไปในทิศทางเดียวกันเชื่อว่าทิศทางการค้าของไทยจะเห็นการเติบโตดีขึ้นหลังจากนี้ไป รวมถึงขณะนี้ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับปัญหาราคาน้ำมัน เพราะเชื่อว่าราคาน้ำมันจะไม่ผันผวนมากกว่านี้ จึงทำให้หลายประเทศกำหนดทิศทางการค้าการลงทุนได้ตรงตามเป้าหมายด้วยเช่นกัน
