xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐกิจโลกทรุด ฉุดส่งออก เม.ย.หัวทิ่ม ติดลบ 8% หลังจากก่อนหน้านี้บวกมาได้ 2 เดือนติด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ส่งออก เม.ย.กลับมาติดลบ 8% หลังเป็นบวกได้ 2 เดือนก่อนหน้านี้ เหตุเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน ทำให้กระทบต่อการส่งออกของทั่วโลก “สุวิทย์” เชื่อยังไม่เลวร้าย เหตุไทยยังรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ได้ ส่วนเป้าปีนี้ 5% ยังต้องลุ้น “อภิรดี” สั่งการทูตพาณิชย์ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจคู่ค้าใกล้ชิด

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยเดือน เม.ย. 2559 มีมูลค่า 1.55 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 8% ซึ่งเป็นการกลับติดลบอีกครั้งในรอบ 2 เดือน หลังจากที่การส่งออกเป็นบวกในเดือน ก.พ. และ มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 1.48 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14.92% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 721 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ การส่งออกในช่วง 4 เดือนของปี 2559 (ม.ค.-เม.ย.) มีมูลค่ารวม 6.93 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.24% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 6.04 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 12.73% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้าในช่วง 4 เดือน มูลค่า 8,910 ล้านเหรียญสหรัฐ

สาเหตุที่ทำให้การส่งออกในเดือน เม.ย.กลับมาลดลง เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังไม่มีความชัดเจน เป็นภาวะที่เกิดผลกระทบต่อการส่งออกทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะไทยประเทศเดียว อีกทั้งการส่งออกในกลุ่มรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบติดลบ 9.7% มาจากการปรับฐานผลิตรถปิกอัพ รถบัส และรถบรรทุก ที่จากเดิมประเทศผู้นำเข้าจะนำเข้าแล้วไปประกอบในประเทศ เปลี่ยนมาให้ไทยประกอบทั้งคันและส่งออกไป ทำให้ตัวเลขในกลุ่มนี้ลดลง ประกอบกับในช่วงเดือน เม.ย.มีวันหยุดยาวรวมกันถึง 17 วัน ทำให้มูลค่าการส่งออกหายไปประมาณ 5%

นายสุวิทย์กล่าวว่า หากประเมินจากสถานการณ์การส่งออกทั่วโลก ไทยยังคงมีส่วนแบ่งการส่งออกติด 1 ใน 3 ของโลกอยู่ แสดงว่าการส่งออกไทยยังคงประคองสถานการณ์และรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ และจะเห็นได้ว่าการส่งออกปีนี้ ไม่ได้มีการติดลบทุกเดือน ซึ่งบางเดือนขยายตัวเป็นบวก จึงเชื่อว่าการส่งออกในปี 2559 จะไม่เลวร้ายกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนจะเป็นไปตามเป้าหมายขยายตัวที่ 5% หรือไม่ ต้องรอดูอีกที เพราะหากจะให้ทำได้ตามเป้า ก็ต้องส่งออกในเดือนที่เหลือให้ได้เดือนละ 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่หากทั้งปีทำได้บวก 2-3% ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่อยากให้มองควบคู่กับภาคการส่งออกก็คือ ตัวเลขส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 4 เดือนปีนี้ เพิ่มขึ้นแล้ว 84% ซึ่งจะมีผลต่อภาคการส่งออกในอนาคต และมีผลต่อจีดีพีของประเทศที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า หากจะทำให้ตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยปี 2559 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5% การส่งออกในช่วง 8 เดือนที่เหลือจะต้องส่งออกให้ได้เดือนละ 1.94 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หากทั้งปีขยายตัว 3% ต้องส่งออกให้ได้เดือนละ 1.89 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หากขยายตัว 2.5% ต้องส่งออกให้ได้เดือนละ 1.85 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และหากขยายตัว 0% หรือไม่ขยายตัวต้องส่งออกให้ได้เดือนละ 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป
กำลังโหลดความคิดเห็น