รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันนี้(4 พ.ค.) เวลา 10.00 น. นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความพันธมิตรฯ พร้อมกับครอบครัว ญาติพี่น้องของผู้ที่สูญเสียและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เพื่อแสดงเจตนารมณ์ และยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. คัดค้านความพยายามในการถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 ดังกล่าว
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคาร ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมพิจารณาถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การรื้อฟื้น แต่เป็นการยื่นเรื่องจากฝ่ายผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาขอให้พิจารณาทบทวน ซึ่งทุกคนสามารถยื่นได้หมด ทางป.ป.ช.เพียงแต่รับมาพิจารณาว่ารับได้หรือไม่ได้ ใช่หรือไม่ที่เขามีมติออกมา แต่การดำเนินการต่อหลังจากนั้น คงต้องติดตามดูกันอีกที แต่เมื่อใดก็ตามที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้ จะนำไปสู่การปฏิบัติ ถ้าเขายังไม่ได้ตั้งก็ไม่ได้ตั้ง ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น ฉะนั้นอย่าไปตีกระแสตรงนี้ ให้มันขัดแย้งกันอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมต้องขอถอนฟ้องเมื่อคดีนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ยื่นเรื่องขึ้นมา ซึ่งตามกฎหมาย ป.ป.ช.ต้องรับมั้ง แต่ปัญหาว่าถ้าอยู่ในชั้นการพิจารณาเขาจะทำต่อหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะพิจารณาต่อไป อีกฝ่ายก็มาเสนอสิ ดูสิเขาจะรับไหม ส่วนกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์หาก ป.ป.ช.ดำเนินการถอนฟ้องและเกิดบรรทัดฐานกับคดีอื่นนั้น จะเป็นบรรทัดฐานอะไรในเมื่อมันยังไม่เกิด ตนบอกเองว่าถ้าจะให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ก็ให้เขามายื่นให้เหมือนกัน
ในส่วนของนายกฯ มองว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มองว่าผิดปกติ อะไรที่ไม่ใช่เรื่อง คือไม่ใช่เรื่อง ตนได้แต่บอกว่าควรทำหรือไม่ควร ก็ไปว่ากันมา เวลานี้ปัญหาตนก็เยอะอยู่แล้ว
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ป.ป.ช.กำลังพิจารณาถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากมีน้องชายคือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นจำเลยว่า "ไม่มี ไม่ได้ทำ ไม่เกี่ยวอะไรด้วย เป็นเรื่องของ ป.ป.ช."
ซักว่าแต่มีการโยงว่า พล.ต.อ.พัชรวาทเป็นน้องชายของท่าน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี แล้วในป.ป.ช.ไม่ใช่คนเดียวทำ เขาเป็นทีมของเขา ตนว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรหรอก คือเรื่องนี้มีคนร้องเรียน ป.ป.ช.ก็ต้องทำไป แต่ว่าจะทำได้หรือไม่ได้มันยังมีขั้นตอน แล้วตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มต้นเลย เพียงแต่ว่าจะได้หรือเปล่า พอทำได้ ป.ป.ช.ก็ต้องไปตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีกไปตรวจสอบว่าของเดิมเป็นอย่างไร ของใหม่เป็นอย่างไร ข้อมูลใหม่เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดี๋ยวเดียว มันเยอะ แล้วจะไปรวบรัดได้อย่างไร ซึ่งไม่ใช่
"ผมถามเขาแล้ว ไม่เกี่ยว และอย่ามาเกี่ยวอะไรกับผม ผมไม่เกี่ยวอะไรกับใคร" พล.อ.ประวิตรกล่าว
ด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ป.ป.ช.รู้ดีอยู่แล้วว่ากฎหมาย ป.ป.ช. ไม่ให้อำนาจกรรมการ ป.ป.ช.ถอนฟ้องได้ จึงน่าสงสัยว่า ป.ป.ช.ต้องการช่วยคนที่ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต เพราะขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาล ถือว่าอยู่นอกเขตอำนาจของ ป.ป.ช.แล้ว แม้จะใช้กฎหมายประมวลวิธีพิจารณาความอาญาไม่ว่ามาตราไหน ศาลก็เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงในชั้นไต่สวนได้อยู่แล้ว
"ทำไม ป.ป.ช.จึงจะถอนคดีที่ตัวเองเป็นผู้กล่าวหาส่งฟ้องศาลแล้วออกมาพิจารณาคดีใหม่ โดยอ้างเหตุขอความเป็นธรรมจากคนสองวงศ์ คือ วงศ์สวัสดิ์ และวงษ์สุวรรณ ถามว่า ป.ป.ช.ใช้อำนาจตามกฎหมายใดจึงทำตัวเป็นศาลเตี้ยเสียเอง" นายชาญชัยกล่าว และว่าเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นทำให้สังคมไทยสงสัยในพฤติกรรมถึง ป.ป.ช.ชุดนี้ว่า คดีที่ค้างอยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช.ขณะนี้จะได้รับการวินิจฉัยถูกต้อง โปร่งใสและเป็นธรรม ตรวจสอบได้อย่างที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะเมื่อหัวขบวนขององค์กร ยอมรับเสียเองว่ามีความสนิทสนมกับผู้มีอำนาจในยุคนี้
นายชาญชัยกล่าวด้วยว่า ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯและผู้เสียหายในเหตุการณ์นี้ จะยื่นเรื่องคัดค้านนั้น ขอเสนอให้ผู้เสียหายร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ใน 2 ประเด็นคือ 1.ร้องคัดค้านต่อศาลไม่ให้ ป.ป.ช.ถอนคดีนี้ 2.ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ โดยใช้สำนวนเดิมของ ป.ป.ช.เป็นหลักเพื่อให้ศาลพิจารณาคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคาร ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมพิจารณาถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การรื้อฟื้น แต่เป็นการยื่นเรื่องจากฝ่ายผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาขอให้พิจารณาทบทวน ซึ่งทุกคนสามารถยื่นได้หมด ทางป.ป.ช.เพียงแต่รับมาพิจารณาว่ารับได้หรือไม่ได้ ใช่หรือไม่ที่เขามีมติออกมา แต่การดำเนินการต่อหลังจากนั้น คงต้องติดตามดูกันอีกที แต่เมื่อใดก็ตามที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้ จะนำไปสู่การปฏิบัติ ถ้าเขายังไม่ได้ตั้งก็ไม่ได้ตั้ง ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น ฉะนั้นอย่าไปตีกระแสตรงนี้ ให้มันขัดแย้งกันอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมต้องขอถอนฟ้องเมื่อคดีนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ยื่นเรื่องขึ้นมา ซึ่งตามกฎหมาย ป.ป.ช.ต้องรับมั้ง แต่ปัญหาว่าถ้าอยู่ในชั้นการพิจารณาเขาจะทำต่อหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะพิจารณาต่อไป อีกฝ่ายก็มาเสนอสิ ดูสิเขาจะรับไหม ส่วนกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์หาก ป.ป.ช.ดำเนินการถอนฟ้องและเกิดบรรทัดฐานกับคดีอื่นนั้น จะเป็นบรรทัดฐานอะไรในเมื่อมันยังไม่เกิด ตนบอกเองว่าถ้าจะให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ก็ให้เขามายื่นให้เหมือนกัน
ในส่วนของนายกฯ มองว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มองว่าผิดปกติ อะไรที่ไม่ใช่เรื่อง คือไม่ใช่เรื่อง ตนได้แต่บอกว่าควรทำหรือไม่ควร ก็ไปว่ากันมา เวลานี้ปัญหาตนก็เยอะอยู่แล้ว
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ป.ป.ช.กำลังพิจารณาถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากมีน้องชายคือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นจำเลยว่า "ไม่มี ไม่ได้ทำ ไม่เกี่ยวอะไรด้วย เป็นเรื่องของ ป.ป.ช."
ซักว่าแต่มีการโยงว่า พล.ต.อ.พัชรวาทเป็นน้องชายของท่าน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี แล้วในป.ป.ช.ไม่ใช่คนเดียวทำ เขาเป็นทีมของเขา ตนว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรหรอก คือเรื่องนี้มีคนร้องเรียน ป.ป.ช.ก็ต้องทำไป แต่ว่าจะทำได้หรือไม่ได้มันยังมีขั้นตอน แล้วตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มต้นเลย เพียงแต่ว่าจะได้หรือเปล่า พอทำได้ ป.ป.ช.ก็ต้องไปตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีกไปตรวจสอบว่าของเดิมเป็นอย่างไร ของใหม่เป็นอย่างไร ข้อมูลใหม่เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดี๋ยวเดียว มันเยอะ แล้วจะไปรวบรัดได้อย่างไร ซึ่งไม่ใช่
"ผมถามเขาแล้ว ไม่เกี่ยว และอย่ามาเกี่ยวอะไรกับผม ผมไม่เกี่ยวอะไรกับใคร" พล.อ.ประวิตรกล่าว
ด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ป.ป.ช.รู้ดีอยู่แล้วว่ากฎหมาย ป.ป.ช. ไม่ให้อำนาจกรรมการ ป.ป.ช.ถอนฟ้องได้ จึงน่าสงสัยว่า ป.ป.ช.ต้องการช่วยคนที่ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต เพราะขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาล ถือว่าอยู่นอกเขตอำนาจของ ป.ป.ช.แล้ว แม้จะใช้กฎหมายประมวลวิธีพิจารณาความอาญาไม่ว่ามาตราไหน ศาลก็เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงในชั้นไต่สวนได้อยู่แล้ว
"ทำไม ป.ป.ช.จึงจะถอนคดีที่ตัวเองเป็นผู้กล่าวหาส่งฟ้องศาลแล้วออกมาพิจารณาคดีใหม่ โดยอ้างเหตุขอความเป็นธรรมจากคนสองวงศ์ คือ วงศ์สวัสดิ์ และวงษ์สุวรรณ ถามว่า ป.ป.ช.ใช้อำนาจตามกฎหมายใดจึงทำตัวเป็นศาลเตี้ยเสียเอง" นายชาญชัยกล่าว และว่าเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นทำให้สังคมไทยสงสัยในพฤติกรรมถึง ป.ป.ช.ชุดนี้ว่า คดีที่ค้างอยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช.ขณะนี้จะได้รับการวินิจฉัยถูกต้อง โปร่งใสและเป็นธรรม ตรวจสอบได้อย่างที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะเมื่อหัวขบวนขององค์กร ยอมรับเสียเองว่ามีความสนิทสนมกับผู้มีอำนาจในยุคนี้
นายชาญชัยกล่าวด้วยว่า ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯและผู้เสียหายในเหตุการณ์นี้ จะยื่นเรื่องคัดค้านนั้น ขอเสนอให้ผู้เสียหายร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ใน 2 ประเด็นคือ 1.ร้องคัดค้านต่อศาลไม่ให้ ป.ป.ช.ถอนคดีนี้ 2.ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ โดยใช้สำนวนเดิมของ ป.ป.ช.เป็นหลักเพื่อให้ศาลพิจารณาคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย
