xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ ยื่นค้าน ป.ป.ช.ถอนฟ้อง 7 ตุลาฯ เตรียมร้องศาลฎีกาต่อพร้อมขอเป็นโจทก์ร่วม (มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ตัวแทนพันธมิตรฯ พร้อมมวลชนและญาติผู้สูญเสียในเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ 51 ยื่นหนังสือคัดค้าน ป.ป.ช.ถอนฟ้องคดี ชี้มีข้อสงสัยจงใจช่วย “พัชรวาท” หรือไม่ “ทนายนิติธร” ระบุศาลปกครองชี้แล้วว่ากระทำเกินกว่าเหตุ เตรียมหารือร้องศาลฎีกาฯ ต่อ พร้อมขอ ป.ป.ช.เปิดเผยสำนวนฟ้อง เล็งช่องขอเป็นโจทก์ร่วม



จากกรณีที่มีกระแสข่าวปรากฏออกมาว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมจะถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวนกว่า 400 คน

คดีนี้ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว โดยยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นจำเลยที่ 1-4 ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ

ล่าสุด วันนี้ (4 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตแกนนำและโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 พร้อมด้วยอดีตแกนนำหลายคน อาทิ นายศิริชัย ไม้งาม นางมาลีรัตน์ แก้วก่า นายสาวิทย์ แก้วหวาน นายสำราญ รอดเพ็ชร เป็นต้น รวมทั้งนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ และคณะญาติพี่น้องผู้สูญเสียหรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ยุติถอนฟ้องการดำเนินการดังกล่าว โดยมีนายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักการข่าวและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

โดยนายปานเทพกล่าวว่า การเดินทางมายังสำนักงาน ป.ป.ช.ในวันนี้เพื่อยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.พิจารณา ทบทวนในเรื่องการถอนฟ้องผู้มีคำสั่งเกี่ยวข้องในคดีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะหลังจากที่ พล.ต.อ.วัชรพลได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นประธาน ป.ป.ช. ยังมีเหตุให้สงสัยว่ามาทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือผู้ที่สั่งการการสลายการชุมนุมดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจาก พล.ต.อ.วัชรพลเคยทำหน้าที่เป็นนายตำรวจติดตาม พล.ต.อ.พัชรวาท ที่เป็นจำเลยในการสั่งการสลายการชุมนุม

ทั้งนี้ นายปานเทพยังมีความเชื่อว่า ในทางกฎหมายไม่สามารถถอนฟ้องคดีได้ เพราะถ้าถอนฟ้อง ป.ป.ช.จะถูกดำเนินคดีอาญา และจะเป็นการทำลายความชอบธรรมต่อองค์กรอิสระ อีกทั้งจะสะท้อนความจริงใจต่อการปราบปรามการทุจริตได้หรือไม่ เพราะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้ถูกแต่งตั้งโดยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดั้งนั้น ป.ป.ช.ชุดนี้จึงหนีไม่พ้นการเชื่อมโยงกับรัฐบาลและ คสช.ซึ่งจะอ้างว่า ไม่เกี่ยวไม่ได้ รวมถึงมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับปราบโกง แต่ ป.ป.ช.จะดำเนินการแบบนี้จะปราบโกงได้อย่างไร จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ใช้อำนาจในการหยุดยั้งประธาน ป.ป.ช.ถอนฟ้องคดี และหวังว่า ป.ป.ช.จะทบทวนถอนฟ้องคดีดีงกล่าว ทั้งนี้หาก ป.ป.ช.ไม่ทบทวน แกนนำพันธมิตรฯ ก็จะต้องมาทบทวนบทบาทของตนเองเพื่อกรณีนี้อีกครั้ง

นายนิติธรกล่าวว่า คดีสลายการชุมนุมศาลปกครองชี้แล้วว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ วันนี้จึงมายื่นหนังสือขอให้ ป.ป.ช.ทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และขอให้ยุติดำเนินการที่นำไปสู่การถอนฟ้องคดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากมองว่า พ.ร.บ.ป.ป.ช.ไม่ได้ใช้อำนาจในการถอนฟ้องไว้อย่างชัดเจนเหมือนกับกฎหมายของอัยการ และในกฎหมายบอกว่าถ้ามีกรณีถอนฟ้องไปก็ให้กลับมาฟ้องใหม่ได้และถ้าส่งศาลพิจารณาแล้ว กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่า ไม่มีอำนาจในการถอนฟ้องคดี ตนจึงต้องมายื่นให้ยุติการดำเนินการ ทั้งนี้หากยืนยันจะยังคงเดินหน้าถอนฟ้องคดี ตนก็จะดำเนินการฟ้อง ป.ป.ช.เช่นกัน

นายนิติธรกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ก็จะกลับไปปรึกษาทางกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าจะยื่นร้องต่อประธานศาลฎีกา และศาลอาญาหรือไม่ รวมถึงจะติดตามการดำเนินการกับสภาทนายความ ขณะเดียวกันจะขออนุญาตในการเข้าไปฟังการพิจารณาคดีทุกครั้ง รวมถึงขอให้ ป.ป.ช.เปิดเผยคำฟ้องต่อสาธารณชนทั้งหมด และเปิดเผยหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของจำเลยในคดีนี้ว่ามีสาระสำคัญเพียงใด ป.ป.ช.จึงต้องนำมาพิจารณาเอง และบัญชีพยานที่ยื่นใหม่มีใครบ้าง

ในขณะเดียวกัน กำลังดูข้อกฎหมายว่าจะสามารถขอเป็นโจทย์ร่วมในคดีนี้ได้หรือไม่ โดยตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ประธาน ป.ป.ช.คนปัจจุบันเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยในคดี จึงต้องคำนึงถึงความเป็นกลาง การยอมรับของประชาชน เพื่อให้เกิดความชัดเจน ดังนั้น เมื่ออ้างว่ามีเหตุสมควรในการพิจารณาถอนฟ้อง สิ่งที่ควรจะเป็นคือ ป.ป.ช.ต้องเปิดเผยว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดก่อนทำสำนวนผิดพลาดอย่างไร และโต้แย้งต่อศาลว่ารับฟ้องได้อย่างไร เพราะขณะนี้คดีอยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลแล้ว ดังนั้น ป.ป.ช.ควรทำสิ่งที่สมควรกระทำ และสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ใช่กระแสทางการเมือง เป็นการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ และการเรียกร้องความเป็นยุติธรรม โดยจากนี้ก็จะติดตามการทำงานของ ป.ป.ช.ต่อไป และมองว่า ถ้า ป.ป.ช.ดำเนินการฟ้องคดี อาจจะส่งผลเสียไปยัง รัฐบาล และ คสช.ด้วย

ส่วนกรณีที่มองว่าหนึ่งในผู้ถูกฟ้องคดี คือ พล.ต.อ.พัชวาท ที่มีนามสกุลเดียวกับ พล.อ.ประวิตร ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่เรื่องหลักคือ การที่ประชาชนยังไม่รับการชดเชยและดูแลเท่าที่ควร และศาลปกครองกลางมีคำสั่งแล้ว ซึ่งควรให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาคดีต่อไป และคดีก็ขาดจาก ป.ป.ช.ไปแล้ว

























กำลังโหลดความคิดเห็น